วิธีเก็บน้ำนมแม่สต๊อก ทำอย่างไรไม่ให้เหม็นหืน

ความปรารถนาสูงสุดของคุณพ่อคุณแม่ คือการได้เห็นลูกน้อยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมด้วยความเก่ง ฉลาด เป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพในอนาคต ดังนั้นเมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลก คุณแม่ทุกท่านจึงตั้งใจเต็มที่ที่จะให้น้ำนมแม่แก่ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดและมอบนมแม่ให้เป็นสุดยอดอาหารของลูกรักไปนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เราจึงเห็นว่าปัจจุบัน คุณแม่มีการเตรียมพร้อมเพื่อจะเป็นคุณแม่นักปั๊ม ทำนมแม่สต๊อกไว้ให้ลูกน้อยกันแต่เนิ่นๆ
แต่คุณแม่รู้ไหมว่า…นอกจากการปั๊มนมที่ต้องพิถีพันใส่ใจในทุกรายละเอียดแล้ว วิธีการเก็บสต๊อกนมแม่ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะหากคุณแม่เก็บไม่ถูกต้อง ไม่ถูกวิธี อาจทำให้นมแม่ก็เก็บบูดเสีย ลูกกินไม่ได้ รวมถึงหากเช่เย็นเก็บหรือละลายในอุณหภูมิไม่เหมาะสม ก็ทำให้นมแม่สูญเสียคุณค่าสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อสมองและร่างกายของลูกน้อยไปแบบน่าเสียดาย เสียทั้งกำลังกาย กำลังใจ นมแม่ที่โภชนาการดีๆมากมาย กลับเสียหายไปไร้ประโยชน์
ดังนั้นเราจึงขอแนะนำ วิธีการเก็บน้ำนมแม่สต๊อกที่ถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับเรื่องการเก็บนมแม่ไว้ไม่ให้เหม็นหืน เพื่อให้ลูกน้อยกินนมแม่จากสต๊อกได้อย่างเต็มที่ และมีความสุข

วิธีเก็บน้ำนมแม่สต๊อก
ขั้นตอนการปั๊มและ วิธีเก็บน้ำนมแม่สต๊อก
- เริ่มจากคุณแม่ล้างมือให้สะอาด เตรียมเครื่องปั๊มนม และภาชนะที่ใช้เก็บน้ำนมที่ผ่านการทำความสะอาดฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น กรวยปั๊มนม ขวดเก็บน้ำนม ถุงเก็บน้ำนม โดยควรเลือกภาชนะเก็บน้ำนมที่มีฝาปิดมิดชิด ไม่มีสารอันตราย
- เมื่อปั๊มนมเสร็จแล้วให้เขียนวันที่และเวลากำกับที่ข้างภาชนะหรือถุงเก็บน้ำนม เพื่อจะได้นำนมแม่กลับมาใช้ตามลำดับได้ถูกต้อง เสร็จแล้ววางเรียงถุงเก็บน้ำนมสต๊อกในตู้แช่หรือตู้เย็นในบ้าน
- หากคุณแม่ปั๊มนมนอกบ้าน หรือที่ทำงาน จำเป็นต้องเตรียมกระติกน้ำแข็งที่มีน้ำแข็งตลอดเวลา หรือมีอุปกรณ์ที่เก็บความเย็นได้ดี เช่น Ice Pack โดยต้องมั่นใจว่าความเย็นมีเพียงพอที่จะเก็บรักษาคุณค่าน้ำนมแม่ก่อนที่จะนำกลับมาแช่เย็นที่บ้าน
ระยะเวลาการเก็บน้ำนมแม่
วิธีเก็บนมแม่สต๊อก | ระยะเวลาที่เก็บได้ |
ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่เข้าตู้เย็น | เก็บได้ 1 ชั่วโมง |
ตั้งทิ้งไว้ในห้องปรับอากาศ (ไม่เข้าตู้เย็น) | เก็บได้ 4 ชั่วโมง |
ในกระติกน้ำแข็งที่มีน้ำแข็งตลอดเวลา | เก็บได้ 1 วัน |
ใส่ตู้เย็น ช่อง/ชั้นธรรมดา | เก็บได้ 3-5 วัน |
ใส่ตู้เย็นแบบ 1 ประตู ในช่องแช่แข็ง | เก็บได้ 1-2 สัปดาห์ |
ตู้เย็นแบบ 2 ประตู ในช่องแช่แข็ง | เก็บได้ 3-6 เดือน |
ตู้แช่เย็นจัด (-20 องศาเซลเซียส) | เก็บได้ 6-12 เดือน |
ข้อควรระวังและใส่ใจในการสต๊อกน้ำนมแม่
ไม่เก็บน้ำนมแม่บริเวณประตูตู้เย็น เพราะความเย็นจะไม่คงที่ ทำให้นมแม่เสียได้ง่าย และแม้คุณแม่จะเก็บนมแม่แช่แข็งไว้ในตู้แช่แข็งที่เก็บรักษานมแม่ได้ถึง 12 เดือน แต่ก็ควรนำนมแม่สต๊อกออกมาให้ลูกกินภายใน 6 เดือนจะดีที่สุด เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค รวมถึงนมแม่ที่สต๊อกเก็บไว้เกิน 1 ปีแล้ว ต้องทิ้งให้หมด แม้ว่าจะไม่มีกลิ่นเสียหรือมีรสชาติเปรี้ยวก็ตาม เพราะอาจส่งผลร้ายต่อร่างกายลูกจากการเก็บที่นานเกินไป และความไม่คงที่ของอุณหภูมิในต็เย็น

10 วิธีเก็บนมแม่ได้ แบบไม่เหม็นหืน
อีกหนึ่งปัญหาของคุณแม่นักปั๊มที่ทำให้กังวลและไม่มั่นใจ เพราะน้ำนมที่สต๊อกไว้มักมีกลิ่นหืน จนบางครั้งลูกไม่ยอมกิน ซึ่งความจริงแล้วน้ำนมแม่ที่แช่แข็งทำสต๊อกไว้ เมื่อนำมาละลายแล้ว สามารถเกิดกลิ่นหืนได้จากเอนไซน์ที่ชื่อไลเปซ (Lipase) ที่ช่วยย่อยให้ไขมันในน้ำนมแม่แตกตัว แม้นมแม่จะมีกลิ่นหืนลูกน้อยก็สามารถกินได้ไม่มีอันตราย (ยกเว้นกรณีคุณแม่ชิมแล้วมีรสเปรี้ยว มีกลิ่นแรงมากนั่นคือนมเสียห้ามให้ลูกกิน แต่หากคุณแม่ไม่อยากให้น้ำนมสต๊อกมีกลิ่นหืน อาจลองทำตามวิธีการดังต่อไปนี้
- ตรวจเช็กดูแลความสะอาดของเครื่องปั๊มนม อุปกรณ์เก็บนมแม่สต๊อกให้ปราศจากเชื้อโรคทุกครั้ง
- เวลาเก็บนมแม่ใส่ถุงเมื่อปั๊มเสร็จ พยายามไล่อากาศออกจากถุงให้ได้มากที่สุด ก่อนแช่เย็น
- หลังจากปั๊มนมเสร็จ ให้นำถุงเก็บน้ำนมเข้าตู้เย็นแช่ให้เร็วที่สุด และควรวางเรียงถุงเก็บน้ำนมในแนวนอนราบ
- หากต้องการให้ลูกกินนมแม่ที่ปั๊มภายในไม่เกิน 3 วัน หรือปั๊มนมให้ลูกกินวันต่อวัน ไม่ต้องเก็บในช่องแช่แข็ง ให้เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาไว้ เพราะจะเก็บได้ 2-3 วัน โดยมักจะไม่มีกลิ่นหืน
- เวลาจะใช้น้ำนมแม่สต๊อก ให้เปลี่ยนช่องเก็บจากช่องฟรีสแช่แข็งลงมาที่ช่องแช่เย็นธรรมดาตอนกลางคืน ประมาณ 12 ชม.หรือ 1 คืน เพื่อให้ละลาย จากนั้นเทใส่ขวดให้ลูกกินแล้วเขย่าแบบเย็นๆได้เลย มักจะไม่มีกลิ่นหืน และไม่ทำให้ลูกปวดท้องหรือท้องเสีย หากลูกไม่ชอบกินเย็นให้แช่ในน้ำอุ่น ห้ามแช่นมในน้ำร้อนหรือใส่ไมโครเวฟเพราะความร้อนจะไปทำลายสารอาหารสำคัญในนมแม่
- หลังปั๊มนม อาจทำให้น้ำนมร้อนก่อน เพื่อยับยั้งการย่อยของไลเปสก่อนนำไปแช่แข็ง นั่นคือหลังจากคุณแม่ปั๊มนมเสร็จแล้ว ให้นำไปต้ม ให้นานพอที่จะเห็นฟองอากาศเล็กๆ ปุดๆอยู่ด้านรอบข้างหม้อ แล้วจึงดับไฟ ห้ามปล่อยให้ถึงจุดเดือด จากนั้นนำนมไปเข้าตู้เย็นแช่แข็งทันที วิธีนี้จะทำให้น้ำย่อยไขมันทำงานไม่ได้ จึงไม่เกิดกลิ่นเหม็นหืน ถึงแม้ว่าจะเก็บไว้นานเพียงใดก็ตาม ซึ่งการต้มนมอาจทำลายภูมิคุ้มกันในนมแม่บางส่วน และสารอาหารบางอย่างในน้ำนมแม่ให้ลดน้อยลงได้ แต่ก็ยังดีกว่าการเทนมแม่ที่สต๊อกไว้ทิ้งไป เพราะลูกไม่ยอมกินนมหืน
- ให้ลูกกินนมแม่ที่ละลายจากการแช่แข็งแล้ว ภายใน 24 ชม. และไม่ควรนำนมที่ละลายจากการแช่แข็งแล้ว กลับไปแช่แข็งใหม่
- ไม่เก็บนมแม่ใกล้ส่วนของช่องแข็งหรือช่องแช่ที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เพราะความเย็นจะไม่คงที่
- หากคุณแม่เก็บนมแม่สต๊อกไว้ในถุงพลาสติกแล้วมีกลิ่น ให้ลองเปลี่ยนไปใส่ภาชนะที่เป็นแก้วที่มีฝาปิดมิดชิดแทน
- ไม่ควรเก็บนมสต๊อกปะปนกับอาหารอื่นๆ หากคุณแม่แช่นมแม่สต๊อกไว้รวมกับอาหารชนิดอื่นๆ ในตู้เย็น ควรเก็บและใส่อาหารในภาชนะที่มิดชิดมีฝาปิด หรือมัดถุงให้แน่น เพื่อป้องกันกลิ่นอาหารอื่นมาปะปน ทำให้นมแม่ดูดกลิ่นอาหารเข้ามา จนน้ำนมมีกลิ่นอื่นติดมาด้วยได้
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การเก็บนมสต๊อกไม่ให้มีกลิ่นหืนอาจมีความยุ่งยากบ้าง ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาลูกไม่กินนมหืน และให้ลูกสามารถกินนมแม่ที่มีกลิ่นหืนเป็น คุณแม่อาจต้องฝึกให้ลูกกินนมเย็นหรือนมที่มีกลิ่นหืนได้บ้างตั้งแต่เนิ่นๆ ฝึกให้ลูกทานทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง เริ่มฝึกตั้งแต่ลูกอายุ 1-2 เดือน (หากเริ่มเร็วก่อน 1 เดือน ลูกอาจเสี่ยงติดขวด แต่หากเริ่มช้ากว่า 2 เดือนลูกจะฝึกยากขึ้น) ลูกจะได้กินเป็นทั้งนมจากเต้าและนมแม่ที่สต๊อกเอาไว้ ไม่ต้องทิ้งนมแม่ไปอย่างน่าเสียดายเพียงเพราะมีกลิ่นหืนนั่นเอง
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids
บ้านไหน ? กำลังวางแผนซื้อรถเข็นให้ลูกอยู่บ้างเอ่ยยย พ่อแม่หลายคนถาม หมอแอม เข้ามากันเยอะมาๆๆ ว่าเวลาซื้อรถเข็นให้ลูกควรดูเรื่องอะไรบ้าง เลือกรถเข็นให้ลูกยังไง? ให้เหมาะกับสถานการณ์โควิด และสภาพแดดบ้านเราแบบนี้ ?? วันนี้ หมอแอม มีหลักการเลือกรถเข็นเด็ก ง่ายๆ สไตล์คุณหมอมาฝากกันค่ะ จะมีเคล็ดลับอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงช่วงนี้ที่มีสถานการณ์โควิดระบาด และคิดว่าน่าจะอยู่กับเราไปอีกสักพัก เด็กเล็ก 0-2 ขวบที่ยังใส่แมสก์เหมือนผู้ใหญ่ไม่ได้ คำแนะนำของสมาคมกุมารแพทย์สหรัฐอเมริกา และกรมอนามัย คือ แนะนำว่าเด็กเล็กๆให้หาผ้าคลุม หรือใช้รถเข็นเด็กแล้วคลุมผ้าไว้แทนการใส่แมสก์ได้ค่ะ ทีนี้จะเลือกรถเข็นยังไงล่ะ? ให้เหมาะกับลูก เหมาะกับบ้านเรา และเหมาะกับสถานการณ์โควิด หรือสารพัดโรคระบาดของเด็กเล็กได้ วันนี้หมอแอมมีหลักการเลือกรถเข็นเด็กมาฝากค่ะ หลักการเลือกรถเข็นเด็ก 5 ข้อ เพจเรื่องเด็กๆ by หมอแอม 1) อันดับแรกที่ หมอแอม ดู คือ โครงสร้างต้องแข็งแรง และมีระบบลดการสั่นสะเทือน […]
หลากหลายฟังก์ชั่น ช่วงอายุการใช้งานยาวนาน รองรับเด็กมีความสูง 76 ถึง 150 ซมผ่านมาตรฐานความปลอดภัย I-size R 129 และการรับรองจากสภาบันชั้นนำ เบาะกว้าง นั่งสบาย นุ่มกว่าที่เคยสัมผัสรองรับเด็กน้ำหนัก 15 ถึง 36 กิโลกรัมผ่านมาตรฐาน ECE R44-04และการทดสอบจากสถาบันชั้นนำในยุโรป พกพาสะดวก ติดตั้งง่ายรองรับเด็กน้ำหนัก 15 ถึง 36 กิโลกรัมผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ECE R44-04
Renolux บริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อแม่และเด็ก มานานกว่า 40 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในเมือง Nord-Isère ใกล้กับเมือง Lyon เป็นผู้นำนวัตกรรมด้านความปลอดภัยของเด็ก โดยเฉพาะในด้านการผลิตคาร์ซีท จนในปัจจุบันมีการพัฒนากระบวนการผลิตโฟมโพลียูรีเทนแบบพิเศษ ที่เป็นเอกสิทธ์เฉพาะของบริษัท ทำให้จากความเชี่ยวชาญและความรู้ที่สั่งสมมาช่วยให้เราสามารถคิดสร้างสรรค์และควบคุมแต่ละขั้นตอนของการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กของเราทุกขั้นตอนภายในไซต์ 17,000 ตารางเมตรที่ตั้งอยู่ใน Nord-Isère ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันความรู้ทางอุตสาหกรรมของ Renolux ช่วยให้เราเชี่ยวชาญในเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคพอลิเมอไรเซชันผ่านกระบวนการจดสิทธิบัตรของเรา (โฟมโพลียูรีเทน) งานโลหะ (การเจาะการตัดการรัดการเชื่อม) สิ่งทอ (การเคลือบการตัดการทำ) และการประกอบในที่สุด มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกวัน เพราะฉะนั้น การใช้ผลิตภัณฑ์ของ Renolux จะไม่ใช่แค่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กทั่วไปเท่านั้น แต่ยังได้ความเชี่ยวชาญมากกว่า 40 ปี ในการให้บริการผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กที่มีคุณภาพของ Renolux คาร์ซีท Renolux Renofix คาร์ซีทเด็กโตที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กน้ำหนัก 15 – 36 KG. […]
บริษัท เบบี้กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) ได้คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้าทุกท่าน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลและใช้ข้อมูลที่จำเป็นของท่าน เพื่อระบุตัวบุคคลตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ แห่งราชอาณาจักรไทย นโยบายความเป็นส่วนตัวอธิบายถึงวิธีที่เราเก็บข้อมูล นำมาใช้ และ การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว (ในบางกรณี) โดยนโยบายนี้จะอธิบายถึงขั้นตอนการกระทำกับข้อมูลส่วนบุคคล และสุดท้ายนโยบายนี้จะอธิบายถึงตัวเลือกที่ท่านสามารถเลือกได้เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของท่านเอง การปกป้องดูแลข้อมูลส่วนตัวของท่านเปรียบเสมือนความไว้วางใจที่ท่านมีให้เราและเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ดังนั้นเราจึงจะขอใช้เพียงข้อมูลบางส่วนของท่านอันได้แก่ ชื่อ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เฉพาะที่สอดคล้องกับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เราได้กำหนดไว้ ทั้งนี้เราจึงเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินความสัมพันธ์ทางธุรกรรมของเรากับท่านเท่านั้น ทางเราจะเก็บรักษาข้อมูลของท่านไว้เป็นระยะเวลาตราบเท่าที่กฎหมายกำหนดหรือ เป็นระยะเวลาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลนั้นๆ ท่านสามารถเยี่ยมชมและท่องเว็บไซต์ของเราได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ โดยตลอดการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา ท่านจะอยู่ในฐานะผู้ไม่เปิดเผยตัวตน และไม่สามารถระบุตัวตนได้ตลอดเวลา จนกว่าท่านจะลงทะเบียนสมัครบัญชีผู้ใช้ และได้เข้าสู่ระบบด้วยชื่อบัญชีและรหัสผ่านของท่านเอง คลังข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท เบบี้กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จะไม่ยอมให้บุคคลภายนอกมีส่วนร่วมรู้เห็นข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ได้เก็บไว้โดยเด็ดขาด ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บไว้จะได้รับการเปิดเผยเฉพาะภายในเครือบริษัทของเราเพื่อการดำเนินการภายในเท่านั้น เมื่อท่านได้สร้างบัญชีผู้ใช้กับบริษัท เบบี้กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราจะเก็บไว้ มีดังต่อไปนี้ ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, เพศ, อายุ, เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี, สัญชาติ เป็นต้น ข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อ เช่น […]
ทุกการเดินทางของเด็ก ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด เราจึงร่วมส่งเสริมความปลอดภัยด้วยการมอบคาร์ซีทจาก AILEBEBE และ NEW SEAT, MORE SAFE จำนวน 24 ตัว ให้กับโครงการ “ธนาคารคาร์ซีท” ของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อส่งต่อให้ครอบครัวที่ต้องการใช้คาร์ซีทต่อไป โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดลและโรงพยาบาลรามาธิบดี สามารถยืมคาร์ซีทไปใช้ได้ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา การเตรียมพร้อมเพื่อปกป้องชีวิตน้อย ๆ ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เราจะร่วมเป็นแรงสนับสนุนความปลอดภัยสำหรับเด็กอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อมั่นว่าทุกการเดินทางที่ปลอดภัย คือการสร้างอนาคตที่สดใสให้กับเด็กทุกคนค่ะ

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.