เลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? เลือกยังไงให้เหมาะกับลูก แนะนำ 10 รุ่น คาร์ซีทเด็กแรกเกิดน่าใช้ อัปเดตปี 2024 

คาร์ซีทเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีสำหรับลูกน้อยของเราตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 ปี เพื่อความปลอดภัยขณะนั่งรถยนต์ ประกอบกับมีการออกกฏหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2566 ให้ใช้คาร์ซีทในเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี ยกเว้นรถรับจ้างหรือรถสาธารณะ ดังนั้นทุกบ้านควรจะต้องเตรียมคาร์ซีทให้พร้อมตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะต้องให้ลูกน้อยนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ปัจจุบันคาร์ซีทก็มีหลายแบบมาก คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกแบบไหนดี หรือจะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ที่มีคุณภาพดี ปลอดภัยได้มาตรฐาน และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ BabyGift มีมาแนะนำแล้วค่ะ  

จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? แนะนำวิธีเลือกคาร์ซีทเด็กแรกเกิด มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย     

ผู้ปกครองบางท่านอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมต้องใช้คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย ขอบอกว่า คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ค่ะ คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งในรถยนต์ของคุณพ่อคุณแม่เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ในขณะที่นั่งรถยนต์ เพื่อป้องกันหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด คาร์ซีทจะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บรุนแรง หรือลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ ซึ่งคาร์ซีทก็มีหลายแบบมาก มีตั้งแต่คาร์ซีทเด็กแรกเกิด คาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก และคาร์ซีทสำหรับเด็กโต นอกจากจะมีหลากหลายแบบแล้วก็ยังมีหลายยี่ห้อด้วย แล้วจะเลือกอย่างไรดี จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? ให้กับลูกรักของเรา มารู้จักกับแต่ละประเภทของคาร์ซีทให้มากขึ้นก่อน ไปดูยี่ห้อที่ BabyGift แนะนำกันค่ะ 

คาร์ซีทเด็กแรกเกิด มีกี่ประเภท ?   

ก่อนจะไปดูสินค้า คาร์ซีทแรกเกิด ยี่ห้อไหนดี ? ขอแนะนำแนวทางการเลือกคาร์ซีทสักนิดค่ะ สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กอายุ 2 ปี แนะนำให้ใช้คาร์ชีทแบบหันหน้าเข้าเบาะรถ (Rear-Facing) เพราะช่วยปกป้องร่างกายที่บอบบางของเด็กแรกเกิดได้เป็นอย่างดี พร้อมช่วยลดแรงกระแทกได้ดีที่สุด ซึ่งคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1.คาร์ซีทกระเช้า  

คาร์ซีทแบบกระเช้า จะมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สามารถถอดออก และถือหิ้วเหมือนตะกร้าได้ สะดวกกับคุณพ่อคุณแม่ในการถอดหิ้วใส่รถเข็นเด็กได้โดยไม่ต้องปลุกลูก แต่จะใช้ได้กับเด็กที่ไม่เกิน 18 เดือน เนื่องจากโครงสร้างที่บอบบางกว่าคาร์ซีทประเภทอื่น จึงไม่เหมาะกับเด็กที่สูงขึ้น หรือน้ำหนักตัวมากขึ้น 

ข้อดีของคาร์ซีทแบบกระเช้า  

  • มีน้ำหนักเบา ทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่ายสะดวก 
  • เวลาที่ลูกนอนหลับไม่ต้องปลุกลูก หรืออุ้มลูกออกจากคาร์ซีท คุณพ่อคุณแม่สามารถถอดคาร์ซีทออกมาเดินถือได้เลย ทำให้ลูกนอนหลับได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกล่อมลูกหลับใหม่ 
  • ปรับใช้งานได้หลายแบบ เช่น ในบางรุ่นสามารถใช้งานกับรถเข็นได้เลย หรือบางรุ่นปรับเป็นเปลนอนได้ด้วย ทำให้สะดวกมากขึ้น   

ข้อเสียของคาร์ซีทแบบกระเช้า  

  • ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่าข้อดีของคาร์ซีทแบบกระเช้าจะมีน้ำหนักที่เบา และรูปทรงที่เล็ก แต่ข้อด้อยก็คือโครงสร้างของคาร์ซีทแบบกระเช้ามีความบอบบางกว่าคาร์ซีทประเภทอื่นด้วย   
  • ตัวเบาะ Support เด็กแรกเกิด จะมีชิ้นเล็ก และบอบบางกว่าคาร์ซีทแบบอื่นๆ  
  • ด้วยความที่โครงสร้างที่เล็ก จึงใส่วัสดุรองรับแรงกระแทกได้ไม่เยอะเท่าแบบอื่นๆ  
  • ระยะเวลาการใช้งานสั้น สามารถใช้งานได้กับเด็กอายุไม่เกิน 1 ปี เนื่องจากโครงสร้างที่เล็ก รับน้ำหนักไม่ไม่เยอะ จึงไม่เหมาะกับเด็กที่มีน้ำหนักตัวมากขึ้น และความสูงเพิ่มขึ้น  

2. คาร์ซีทแบบ Convertible  

คาร์ซีทแบบ Convertible คือคาร์ซีทที่สามารถใช้ได้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กโต มีฟังก์ชั่นความปลอดภัยมากขึ้น โครงใหญ่ขึ้น สามารถปรับการใช้งานได้ 2 รูปแบบทั้ง ปรับคาร์ซีทหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) สำหรับเด็กแรกเกิด และปรับหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) สำหรับเด็กโต จึงทำให้เป็นที่นิยม ทั้งนี้ คาร์ซีทแบบ Convertible สามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 3 ประเภทคือ  

  • คาร์ซีทแบบหมุนได้  

สามารถหมุนได้ 360 องศา ส่วนใหญ่จะใช้กับเด็กแรกเกิด เพราะเด็กแรกเป็นวัยที่ต้องอาศัยความระมัดระวังสูงไม่ว่าจะเป็นการอุ้มเข้าหรือออกจากคาร์ซีท ดังนั้นการหมุนหันเข้าหาคุณแม่ จะช่วยให้คุณแม่อุ้มลูกขึ้นลงรถได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งไม่เสี่ยงเกิดจากหกล้ม แม้อยู่ในลานจอดรถที่แคบ นอกจากนี้ ยังติดตั้งครั้งเดียวจบ สามารถปรับใช้งานได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) และหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing)  

  •  คาร์ซีทแบบหมุนไม่ได้   

ส่วนใหญ่จะออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานของเด็กโตด้วย จึงไม่มีฟังก์ชั่นการหมุนมาให้ และจะต้องติดตั้งใหม่ จากการนั่งหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) ไปเป็นการนั่งหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) แต่ข้อดีของคาร์ซีทแบบนี้คือ อายุการใช้งานจะใช้ได้นานขึ้นกว่าแบบที่หมุนได้ บางรุ่นใช้ได้ถึง 12 ปี เลยทีเดียว 

  •  คาร์ซีทแบบปรับนอนราบได้ และหมุนได้   

คาร์ซีทแบบนี้เหมาะกับเด็กแรกเกิดและเด็กเล็กที่ต้องเดินทางบ่อยค่ะ มีความพิเศษกว่าแบบอื่นๆ เนื่องจากปรับนอนราบได้สูงสุด 170 องศา แถมยังหมุนได้ด้วย นอกจากนี้ ยังเหมาะกับเด็กที่คลอดก่อนกำหนดอีกด้วย เพราะการปรับนอนราบจะช่วยทำให้เด็กนั่งคาร์ซีทได้สบายขึ้น และหายใจได้สะดวกมากขึ้น 

ข้อดีของคาร์ซีทแบบ Convertible 

  • ไม่ต้องเปลี่ยนคาร์ซีทบ่อยๆ เนื่องจากสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่าแบบกระเช้า เช่น 0-4 ปี, 0- 9 ปี , 0-12 ปี 
  • มีโครงสร้างที่ใหญ่ และตัวเบาะที่กว้างกว่าแบบกระเช้าทำให้มีการใส่วัสดุรองรับแรงกระแทกได้มากกว่า 
  • มีเทคโนโลยีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทำให้มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น  
  • มีฟังก์ชั่นหลากหลาย เช่น มีขาค้ำยัน, ช่องระบายอากาศ, หมุนได้ 360 องศา , มีที่พักเท้า, มีที่วางแก้ว เป็นต้น ทำให้มีความปลอดภัย และความสะดวกสบายมากขึ้น 

 ข้อเสียของคาร์ซีทแบบ Convertible 

  • โครงคาร์ซีทใหญ่ ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง 
  • คาร์ซีทมีน้ำหนักเยอะ ไม่สามารถถอดออกแล้วเดินถือได้เหมือนคาร์ซีทแบบกระเช้า 
  • มีราคาสูงกว่าคาร์ซีทแบบกระเช้า 

เลือกคาร์ซีทเด็กแรกเกิดอย่างไรดี ?

หรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกคาร์ซีทเด็กแรกเกิดให้ลูกแบบไหนดี ตอนนี้ก็น่าจะได้ไอเดียกันไปบ้างแล้วนะคะ ซึ่งวิธีการเลือกคาร์ซีทเด็กแรกเกิดที่ถูกต้องนั้น มีสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ  

  1. เลือกจากระบบการติดตั้ง  

ปัจจุบันจะมีอยู่ 2 ระบบ ได้แก่ ระบบ Belt (ติดตั้งด้วยเข็มขัดนิรภัยของตัวรถยนต์) โดยสามารถติดตั้งคาร์ซีทได้กับรถยนต์ทุกรุ่น ทุกคัน และระบบ ISOFIX หรือระบบการติดตั้งตามมาตรฐานยุโรป โดยส่วนใหญ่จะมีในรถยนต์ที่ผลิตในปี 2014 ขึ้นไป หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกคาร์ซีทแบบไหนที่เหมาะกับรถยนต์ของเรา อาจสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์เพิ่มเติม จะได้เลือกอย่างถูกต้องค่ะ  

  1. เลือกจากรูปแบบ และขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน  

ต้องพิจารณาว่า ต้องการการใช้งานนานแค่ไหน หากไม่อยากเปลี่ยนบ่อยๆ ก็อาจจะเลือกเป็นแบบ Convertible ที่ใช้งานได้ยาวนาน หรือถ้าต้องการความสะดวกสบาย สามารถหิ้วถือได้ ก็อาจจะเลือกคาร์ซีทแบบกระเช้า และควรเลือกเป็นแบบที่ทำความสะอาดได้ง่าย ระบายอากาศดี และซับพอร์ตกับสรีระของเด็กเล็ก ทั้งนี้ ควรเลือกขนาดคาร์ซีทให้มีความเหมาะสมกับขนาดเบาะรถของเราด้วย เพื่อที่จะได้ติดตั้งได้อย่างพอดีและมีความมั่นคงแน่นหนา เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกน้อยค่ะ  

  1. เลือกจากฟังก์ชั่นการใช้งาน  

ฟังก์ชั่นการใช้งานมีอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชั่นการหมุนได้ 360 องศา ฟังก์ปรับชั่นเอนนอนได้ ฯลฯ รวมถึงเลือกจากเทคโนโลยีความปลอดภัยซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เช่น ระบบพนักพิงยุบตัวอัตโนมัติ Side impact ป้องกันการชนด้านข้างที่ช่วยลดแรงกระแทก ทำให้เด็กปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ฯลฯ 

  1. เลือกที่มีการการรับประกันคาร์ซีท  

ควรเลือกซื้อคาร์ซีทกับตัวแทนนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีความน่าเชื่อถือ ถ้าหากมีการชำรุดก็สามารถส่งซ่อมกับผู้เชี่ยวชาญ มีอะไหล่แท้ให้เปลี่ยน นอกจากนี้ บางแบรนด์ยังมีการรับประกันอุบัติเหตุควบคู่ไปด้วย สามารถเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่ได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุรุนแรง  

  1. เลือกที่มีสัญลักษณ์รับประกันความปลอดภัย 

ให้เลือกคาร์ซีทที่มีตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานของยุโรป ECE R44/04 หรือ ECE R129 (i – Size) อันเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดสำหรับคาร์ซีทของสหภาพยุโรปในการใช้ควบคุมการผลิตคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กให้มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2556 โดยเป็นมาตรฐานที่มีการทดสอบความปลอดภัยของคาร์ซีทอย่างเข้มงวด และได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย ส่วนสัญลักษณ์ของประเทศอื่นๆ ก็มีความปลอดภัย เช่น มาตรฐาน  FMVSS 213 ของอเมริกา หรือ AS/NZS 1754 ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นต้น  

เลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ?  บอกต่อคาร์ซีทเด็กแรกเกิดที่ BabyGift แนะนำ! 

1. Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 

จะเลือกคาร์ซีทแรกเกิด ยี่ห้อไหนดี ? ตัวแรกขอแนะนำเป็นคาร์ซีทรุ่นใหม่ของแบรนด์ Ailebebe ที่ได้รับความนิยมจากคุณพ่อคุณแม่และดาราเซเลปมากมาย แม้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นคาร์ซีทที่โดดเด่นเรื่องนวัตกรรมความปลอดภัย เรียกว่าล้ำกว่าทุกรุ่น เป็นคาร์ซีทที่มีความพิเศษเฉพาะ หากใครกำลังมองหาคาร์ซีทที่มีความปลอดภัยแบบสุดๆ รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์มากค่ะ   

จุดเด่น  

  • เป็นคาร์ซีททรงไข่ Egg – Shell Protection ออกแบบตามสรีรศาสตร์ของทารก เพื่อเด็กแรกเกิดอย่างแท้จริง 
  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนาที่สุด 100 มิลลิเมตร ปกป้องทารกได้อย่างปลอดภัยระดับสูง  
  • ผ้า AG Pure ต้านแบคทีเรีย 99% อ่อนโยนต่อลูกน้อย  
  • ผ้าตาข่าย W Russell ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี ไม่ร้อน ไม่อับชื้น  
  • ช่องระบายอากาศด้านหลัง 1,695 ช่อง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อน หลังไม่เปียก  
  • หมุนได้ 360 องศา ด้วยมือเดียว หมุนลื่น ไม่ทำให้เด็กตกใจ  
  • เข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมระบบ Jumping Harness พาลูกนั่งหรือออกจากคาร์ซีทได้รวดเร็วมาก  
  • ขาค้ำยัน มีระบบ Sensor เสียงแจ้งเตือน หากติดตั้งไม่ถูกวิธี  
  • เทคโนโลยีความปลอดภัย Baby Catch Technology หรือ ระบบพนักพิงยุบตัวอัตโนมัติ ลดการกระแทกและป้องกันการกระแทกซ้ำๆ ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ  

การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40 -100 เซ็นติเมตร หรือ อายุ 0- 4 ปี  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX  

แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น  

2. Ailebebe รุ่น Kurutto R Grance 

คาร์ซีทเฉพาะทางเพื่อเด็กแรกเกิดอย่างแท้จริง เป็นคอนเซปต์ของคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดรุ่นนี้ เป็นรุ่นขายดีทั้งในญี่ปุ่นและไทย มีเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน ตรงคอนเซ็ปต์ที่คุณพ่อคุณแม่นิยมใช้และให้ความสนใจมาก ๆ 

จุดเด่น  

  • เป็นคาร์ซีททรงไข่ Egg – Shell Protection ออกแบบตามสรีรศาสตร์ของทารก เพื่อเด็กแรกเกิดอย่างแท้จริง 
  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนาที่สุด 100 มิลลิเมตร ปกป้องทารกได้อย่างปลอดภัยระดับสูง  
  • ผ้าตาข่าย W Russell ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี ไม่ร้อน ไม่อับชื้น  
  • ช่องระบายอากาศด้านหลัง 1,695 ช่อง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อน หลังไม่เปียก  
  • หมุนได้ 360 องศา ด้วยมือเดียว หมุนลื่น ไม่ทำให้เด็กตกใจ  
  • เข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมระบบ Jumping Harness พาลูกนั่งหรือออกจากคาร์ซีทได้รวดเร็วมาก  
  • ขาค้ำยัน มีระบบ Sensor เสียงแจ้งเตือน หากติดตั้งไม่ถูกวิธี  
  • เทคโนโลยีความปลอดภัย Baby Catch Technology หรือ ระบบพนักพิงยุบตัวอัตโนมัติ ลดการกระแทกและป้องกันการกระแทกซ้ำๆ ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ 

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 4 ปี หรือ น้ำหนัก 0 -18 กิโลกรัม 

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX  

แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น  

3. APRICA รุ่น Fladea Grow Safety Plus 

จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? ตัวนี้เป็นคาร์ซีทโด่งดังจากญี่ปุ่น เด่นเรื่องการปรับนอนราบได้ถึง 170 องศา ตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเดินทางไกลหรือเดินทางบ่อย เป็นคาร์ซีทที่ทำให้เพื่อให้เด็กแรกเกิดนอนได้สบาย อีกทั้งฟังก์ชั่นต่างๆ ที่มีก็ได้รับการคิดค้นวิจัยโดยกุมารแพทย์จากประเทศญี่ปุ่น เชื่อถือได้เลยว่านั่งสบายและปลอดภัยสูงสุดทุกการเดินทาง  

จุดเด่น  

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • ปรับคาร์ซีทให้นอนราบได้ ถึง 170 องศา ให้ทารกนอนหงายอยู่ในท่าที่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ ท้องไม่งอ คอไม่พับ หายใจสะดวก ป้องกันภาวะ Baby Shaken Syndrome ได้อย่างอุ่นใจ  
  • เด็กคลอดก่อนกำหนดสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย การนอนราบทำให้หายใจสะดวกมากขึ้น 
  • มีหลังคาขนาดใหญ่ กันความร้อน กันแดด UV Protection 99% ปกป้องดวงตาทารก พร้อมช่องระบายอากาศ 2 ช่อง อากาศถ่ายเทได้ดี 
  • หมุนได้ 360 องศา พร้อมล็อค 4 ทิศทาง พาลูกขึ้น-ลงรถได้อย่างสะดวก  
  • มี Head Support หนา 3 ชั้น ปกป้องศีรษะและลำคอทารกได้อย่างแน่นหนา  
  • มี Side Protection ป้องกันการกระแทกด้านข้างได้อย่างปลอดภัยตามมาตรฐานสากล  

การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-100 เซนติเมตร หรือ อายุ 0 – 4 ปี  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX  

แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น  

4. Renolux รุ่น Gaia  

ตัวนี้เป็นคาร์ซีทจากฝรั่งเศสที่โดดเด่นในเรื่องเบาะที่กว้าง และมีความนุ่มเป็นพิเศษ รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Softness Cushion เป็นแบรนด์เดียวในโลกที่ทำได้ ทำให้ลูกน้อยนั่งคาร์ซีทได้อย่างสบายตัว ส่วนเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยก็จัดเต็ม เป็นสิทธิบัตรความปลอดภัยเฉพาะแบรนด์ RENOLUX เลยทีเดียวค่ะ หากกำลังมองหาคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดีที่นั่งสบาย มีความนุ่มพิเศษก็ต้องเป็น Renolux รุ่น Gaia ตัวนี้เลย 

จุดเด่น  

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจาก ADAC เยอรมัน และ TCS สวิตเซอร์แลนด์  
  • เทคโนโลยี Softness Cushion ใช้โครงเหล็กทั้งตัว หุ้มด้วยโฟมพิเศษ ทำให้เบาะนุ่มพิเศษ นั่งสบายเหมือนโซฟา ดูดซับแรงกระแทกได้มากกว่าคาร์ซีททั่วไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์  
  • ปรับเลื่อนระดับเพิ่มพื้นที่วางขาได้ ให้ลูกนั่งหันหน้าเข้าเบาะได้นานที่สุด 4 ปี หรือจนกว่าจะมีส่วนสูง 105 เซนติเมตร  
  • หมุนง่ายได้ถึง 360 องศา สะดวกสบาย ช่วยอุ้มลูกเข้าหรือออกคาร์ซีทได้ง่ายขึ้น  
  • ผ้า Cool Soft สัมผัสเย็น ถักทอพิเศษแบบ Topstiches นั่งแล้วไม่เกิดการกดทับ  
  • มี Side Protection ป้องกันการชนด้านข้าง รองรับแรงกระแทกได้ดี  

การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40 – 105 เซ็นติเมตร หรือ อายุ 0 – 4 ปี  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX  

แบรนด์ : ประเทศฝรั่งเศส 

5. คาร์ซีทกระเช้า KINDERKRAFT รุ่น I – CARE

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาคาร์ซีทแรกเกิด ยี่ห้อไหนดีที่เป็นคาร์ซีทแบบกระเช้า รุ่นนี้ก็น่าสนใจค่ะ เป็นคาร์ซีทกระเช้าเด็กแรกเกิดที่สามารถถอดและถือหิ้วเหมือนตะกร้าได้ เลย ติดตั้งกับรถเข็นเด็กได้ สะดวกสบายในการเดินทาง พร้อมจัดเต็มเรื่องความปลอดภัย ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป R129 (i-Size) 

จุดเด่น  

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 
  • ติดตั้งกับรถเข็นเด็ก ที่มี Adapter ได้ เช่น รถเข็นเด็ก รุ่น NEA 
  • ปรับพนักพิงศีรษะและเข็มขัดนิรภัยพร้อมกันได้ 4 ระดับ ตามสรีระลูกน้อย  
  • น้ำหนักเบาเพียง 4.2 กิโลกรัม ถอดออก และถือหิ้วได้สะดวก  
  • เข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมนวมหุ้มสายเข็มขัดหนานุ่ม สัมผัสสบาย 
  • พนักพิงแข็งแรง หนา 3 ชั้น ลดแรงกระแทกได้ดี 
  • มีฟังก์ชั่น Side Protect เสริมการ์ดป้องกันการกระแทกด้านข้าง 
  • เข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมนวมหุ้มสายเข็มขัดหนานุ่ม สัมผัสสบาย มีความปลอดภัยสูง  

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 15 เดือน หรือ ส่วนสูง 40 – 87 เซนติเมตร 

การติดตั้ง : ระบบ Belt (ฐาน Isofix จำหน่ายแยก) 

แบรนด์ : ประเทศเยอรมนี 

6. คาร์ซีทกระเช้า KINDERKRAFT รุ่น MINK PRO 

คาร์ซีทกระเช้าเด็กแรกเกิดจาก KINDERKRAFT  ที่มีน้ำหนักเบามาก ถอดและถือหิ้วเหมือนตะกร้าได้ เลย สามารถติดตั้งกับรถเข็นเด็กได้ สร้างความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ในการเดินทาง พร้อมจัดเต็มเรื่องความปลอดภัย ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป R129 (i-Size) 

จุดเด่น  

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 
  • ติดตั้งกับรถเข็นเด็ก ที่มี Adapter ได้ เช่น รถเข็นเด็กรุ่น Apino และ รถเข็นรุ่น NEA  
  • ปรับพนักพิงศีรษะ และเข็มขัดนิรภัยพร้อมกันได้ 5 ระดับ ตามสรีระลูกน้อย  
  • น้ำหนักเบาเพียง 3.5 กิโลกรัม ถอดออกและถือหิ้วได้สะดวกมาก  
  • ปรับพนักพิงศีรษะ และเข็มขัดนิรภัยพร้อมกันได้ 5 ระดับ ตามสรีระลูกน้อย 
  • มี Head Support หนา 3 ชั้น เสริม EPS โฟม ปกป้องศีรษะและลำคอได้อย่างแน่นหนา  
  • มี Side Protect เสริมการ์ดป้องกันการกระแทกด้านข้าง ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล  

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 15 เดือน หรือ ส่วนสูง 40 – 75 เซนติเมตร หรือน้ำหนัก 0 – 13 กิโลกรัม 

การติดตั้ง : ระบบ Belt 

แบรนด์ : ประเทศเยอรมนี  

7. คาร์ซีทแรกเกิด KINDERKRAFT รุ่น I – 360

หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนมองหาคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดีที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน และนำเป็นตัวนี้เลยค่ะ คาร์ซีทที่ใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 12 ปี มาพร้อมฟังก์ชั่นหมุนได้ สะดวกสบายเวลาพาลูกน้อยเข้า – ออกคาร์ซีท และจัดเต็มเรื่องความปลอดภัย ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 

จุดเด่น  

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 
  • ติดตั้งง่ายด้วยระบบ ISOFIX และ Support leg 
  • คาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา หมุ่นง่าย พาลูกน้อยเข้า-ออกคาร์ซีทได้สะดวก แม้จอดรถในที่แคบ  
  • ปรับการใช้งานได้ 3 STEPs ติดตั้งได้ทั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rearward Facing) หันหน้าไปหน้ารถ (Forward Facing) และปรับเป็นบูสเตอร์ซีทเด็กโต (Booster Seat)  
  • มี Head Support หนา 3 ชั้น ปกป้องศีรษะและลำคอทารกแรกเกิดได้อย่างแน่นหนา 
  • มี Side Protect เสริมการ์ดด้านข้าง ป้องกันการกระแทกได้อย่างปลอดภัย  
  • ปรับเอนนอนได้ 5 ระดับ และปรับความสูงพนักพิงศีรษะได้ 12 ระดับ ตามสรีระลูกน้อยแต่ละวัยจนถึงส่วนสูง 150 เซนติเมตร 

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 12 ปี หรือ ความสูง 40 – 150 เซนติเมตร  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX  

แบรนด์ : ประเทศเยอรมนี 

8. คาร์ซีทแรกเกิด KINDERKRAFT รุ่น I-GROW  

นี่ก็เป็นคาร์ซีทอีกรุ่นหนึ่งที่ใช้งานได้อย่างยาวนานตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ 12 ปี จัดเต็มเรื่องความปลอดภัย ระบบติดตั้งเสริม TOP TETHER ตะขอเกี่ยวเบาะรถยนต์ พร้อมหมุนได้ 360 องศา เพียงกดปุ่มก็พาลูกน้อยเข้า-ออกคาร์ซีทได้สะดวก 

จุดเด่น 

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 
  • ติดตั้งปลอดภัยสูง ด้วยระบบ ISOFIX และ TOP TETHER ตะขอเกี่ยวเบาะรถยนต์ 
  • คาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา พาลูกน้อยเข้า-ออกคาร์ซีทได้สะดวก แม้จอดรถในที่แคบ  
  • ปรับการใช้งานได้ 3 STEP ติดตั้งได้ทั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rearward Facing) หันหน้าไปหน้ารถ (Forward Facing) และปรับเป็นบูสเตอร์ซีทเด็กโต (Booster Seat)  
  • โครงคาร์ซีทใหญ่ แข็งแรง แตกหักยาก ดูดซับแรงกระแทกได้ดี  
  • ปรับเอนนอนได้ 5 ระดับ และปรับความสูงพนักพิงศีรษะได้ 12 ระดับ ตามสรีระลูกน้อยแต่ละวัยจนถึงส่วนสูง 150 เซนติเมตร 

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 12 ปี หรือ ความสูง 40 – 150 เซนติเมตร  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX  

แบรนด์ : ประเทศเยอรมนี  

9. Doona รุ่น 4 in 1 

Doona car seat รุ่นนี้ เป็นมากกว่าคาร์ซีททั่วไป เพราะสามารถใช้งานได้ถึง 4in1 เป็นได้ทั้งคาร์ซีท รถเข็น เปลโยก และสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ด้วย ตอบทุกโจทย์การใช้งานของคุณแม่ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรปและอเมริกา ปลอดภัยหายห่วงอย่างแน่นอน 

จุดเด่น  

  • ได้รับการทดสอบจาก EU & US Aircraft Approval  
  • ติดตั้งได้ 2 แบบ ระบบเบลท์รถยนต์ และ Isofix base (ขายแยก) 
  • สามารถใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิด ถึงน้ำหนัก 15 กิโลกรัม หรือประมาณ 2 ขวบแล้วแต่สรีระของเด็ก 
  • ถอดคาร์ซีทออกมาเดินถือได้เลย ไม่ต้องปลุกลูกขณะนอนหลับ  
  • สามารถเปลี่ยนคาร์ซีทให้เป็นรถเข็นได้อย่างง่ายดาย  
  • เนื้อผ้าทำจากใยไผ่ ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน 

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 2 ปี หรือ น้ำหนัก 0 -15 กิโลกรัม  

การติดตั้ง : ระบบ Belt และ ISOFIX (ขายแยก)  

แบรนด์ : ประเทศเนเธอแลนด์  

10. NUNA รุ่น Reva 

อีกหนึ่งคาร์ซีทที่จัดเต็มเรื่องความปลอดภัย แถมลูกน้อยยังนั่งสบาย เด็กนั่งแล้วขาไม่ห้อย เพราะมีที่พักเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางไกลๆ อยากพาลูกไปด้วยก็สบายหายห่วง เบาะนั่งกว้าง โครงสร้างแข็งแรง สามารถปรับใช้งานได้ 3 รูปแบบตามช่วงวัยที่เหมาะสม 

จุดเด่น  

  • มาตรฐานความปลอดภัยของอเมริกา FMVSS 213  
  • เบาะนั่งกว้าง ปรับใช้งานได้ 3 รูปแบบ ตามช่วงวัยที่เหมาะสม  
  • ปรับเอนนอนได้เยอะ ถึง 10 ตำแหน่ง  
  • รองรับการใช้งานในรถยนต์ทุกรุ่น ได้ทั้ง Belt 2 จุด และ 3 จุด 
  • เนื้อผ้าเส้นใย Lyocell ไม่ผสมสารเคมีและกันไฟลาม  
  • มี Side impact ป้องกันการชนด้านข้างได้อย่างปลอดภัย  
  • มีที่พักเท้า มีที่วางแก้วน้ำ สามารถวางขวดนมได้ 

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 9 ปี หรือ หรือมีน้ำหนัก 0 – 30 กิโลกรัม  

การติดตั้ง : ระบบ Belt และ ISOFIX  

แบรนด์ : ประเทศอเมริกา   

สำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองท่านใดกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ หรือถ้าต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า BabyGift เป็นร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ในการคัดสรรคาร์ซีทที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทุกช่วงวัย คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยมาลองนั่งคาร์ซีทได้ทุกรุ่น หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ  

อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก  

https://www.whattoexpect.com/first-year/safety-and-childproofing/infant-vs-convertible-car-seats

https://www.thaipbs.or.th/news/content/330763

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คงมีหลายครั้งที่คุณแม่มองกระจกแล้วก็รู้สึกสงสัยว่า เราทำสีผมได้มั้ยนะ? ใช่ค่ะ คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตมาหลายยุคหลายสมัย โดยเฉพาะคุณแม่ๆ สายแฟ ที่ทนเห็นผมโคนดำของตัวเองแทบไม่ไหว สมัยก่อนก็มีความเชื่อหลายอย่างเกี่ยวกับผมอยู่นะคะ ผู้เฒ่าผู้แก่บางคนบอกว่าแม่ท้องไม่ควรตัดผม แล้วก็ไม่ควรทำสีผม เพราะผมเป็นเหมือนเกราะป้องกัน เป็นสิ่งที่จะคุ้มกันลูกน้อยจากอันตรายต่างๆ ส่วนบางคนก็บอกว่าแม่ท้องควรจะตัดผม เพราะว่าสารอาหารจะได้ไปเลี้ยงลูกน้อยให้เพียงพอ แต่มาสมัยนี้ ที่คุณแม่ไม่กล้าทำอะไรกับผมมากมายก็น่าจะเป็นเพราะกลัวสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นพีพีดี ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือแอมโมเนีย ที่ผสมอยู่ในสีย้อมผม แต่ถ้ามาดูกันจริงๆ แล้ว สารเคมีพวกนี้ส่งผลต่อลูกน้อยมั้ยนะ? เรามีคำตอบสำหรับคำถามนี้มาให้แล้วค่ะ มีงานวิจัยรองรับเรื่องการทำสีผมในคนท้องหรือเปล่า? ถ้าพูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีงานวิจัยไหนมายืนยันว่าคนท้องห้ามย้อมผม แม้สีย้อมผมจะมีส่วนผสมของสารเคมีอยู่หลายชนิด แต่สารเคมีพวกนี้ก็ซึมเข้าสู่กระแสเลือดในปริมาณที่ค่อนข้างน้อยเลยล่ะค่ะ ยาย้อมผมมีส่วนผสมของสารเคมีตัวไหนบ้าง? สารเคมีหลักๆ ในยาย้อมผมก็ได้แก่ รีซอร์ซินอล พีพีดี แอมโมเนีย แล้วก็ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ค่ะ ซึ่งส่วนมากผลข้างเคียงของมันก็อาจทำให้คุณแม่เกิดอาการแพ้ แต่มันก็จะมีผลแค่สำหรับคนที่แพ้สารพวกนี้เท่านั้นนะคะ นอกจากนี้ก็อาจจะมีอาการวิงเวียนศีรษะเนื่องจากกลิ่นของมัน อย่างไรก็ตาม มันก็จะมีบางกรณีที่คุณแม่บางคนอาจจะไม่ได้แพ้สารเคมีบางตัวในช่วงก่อนท้อง แต่หลังท้องแล้วกลับกลายเป็นว่าแพ้ก็มีค่ะ เพราะฉะนั้นอาจจะต้องระวังนิดนึงนะ สารเคมีมีผลต่อลูกน้อยรึเปล่านะ? สารเคมีที่อยู่ในยาย้อมผมไม่ได้มีในปริมาณที่สูงขนาดนั้นค่ะ แล้วอีกอย่าง ปกติเวลาเรารับสารเคมีเข้าไปในร่างกาย ถ้าไม่เยอะมากจนก่อเป็นสารร้าย มันจะถูกขับออกมาในรูปของปัสสาวะ ข้อสำคัญที่สุดคือ สายรกเป็นอะไรที่มหัศจรรย์และเป็นเกราะคุ้มกันลูกน้อยที่ดีมากๆ เพราะมันจะช่วยกรองสารแปลกปลอมต่างๆ แทบจะไม่ให้มีหลุดรอดเข้าไปหาลูกน้อยเลยล่ะค่ะ ก่อนย้อมผมควรรู้ไว้ 1.เวลาย้อมผม เราขอแนะนำให้คุณแม่หาผ้าปิดปาก […]

การเป็นแม่มือใหม่อาจจะเป็นเรื่องที่ทั้งสนุกและท้าทายอย่างมาก สำหรับแม่มือใหม่หลายๆ คนที่เพิ่งมีลูกคนแรก ย่อมต้องเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้รู้สึกเครียดและสับสน แต่ไม่ต้องกังวล เพราะทุกปัญหามีวิธีการจัดการที่สามารถทำได้ทันที วันนี้เรามี 5 ปัญหาที่แม่มือใหม่เจอบ่อย พร้อมวิธีแก้ไขที่ได้ผลทันทีมาฝากค่ะ 1. ลูกไม่ยอมนอนตอนกลางคืน หนึ่งในปัญหาที่แม่มือใหม่มักเจอบ่อยคือ ลูกไม่ยอมนอนตอนกลางคืน ตื่นบ่อย หรือร้องไห้จนทำให้แม่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ นี่อาจเกิดจากการที่เด็กยังไม่คุ้นเคยกับการนอนตอนกลางคืน หรือยังปรับตัวไม่ได้กับตารางเวลา วิธีแก้ไข: 2. ลูกไม่ยอมกินนม/อาหารเสริม หลายๆ แม่มือใหม่มักจะพบว่า ลูกไม่ยอมกินนมแม่หรือนมขวด หรือแม้กระทั่งปฏิเสธอาหารเสริม แม้จะพยายามหลายครั้งแล้วก็ตาม วิธีแก้ไข: 3. ลูกร้องไห้ไม่หยุด หนึ่งในปัญหาที่ท้าทายมากสำหรับแม่มือใหม่คือการที่ลูกร้องไห้ไม่หยุด ซึ่งบางครั้งอาจทำให้แม่รู้สึกวิตกกังวลและไม่รู้วิธีการช่วยลูก วิธีแก้ไข: 4. ปัญหาน้ำนมไม่พอ แม่มือใหม่หลายคนจะมีความกังวลเรื่องน้ำนมไม่พอให้ลูกดื่ม ซึ่งอาจเกิดจากความเครียดหรือการให้นมไม่สม่ำเสมอ วิธีแก้ไข: 5. รู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูก การเป็นแม่มือใหม่ที่ต้องดูแลลูกอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดความเครียดและรู้สึกเหนื่อยล้า ทำให้บางครั้งแม่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดีพอ วิธีแก้ไข: บทสรุป ปัญหาที่แม่มือใหม่เจอบ่อยนั้นเป็นสิ่งที่สามารถจัดการได้ด้วยการมีความรู้และวิธีการที่ถูกต้อง อย่าลืมว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่การแข่งกับเวลา แต่คือการเรียนรู้และปรับตัวไปพร้อมๆ กัน ไม่ต้องกังวลหรือเครียดเกินไป ขอให้แม่มือใหม่ทุกคนมีความสุขกับการเลี้ยงดูลูกอย่างเต็มที่ และรู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพและความสุขของลูกค่ะ!

การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด  ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ  คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้  คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ?  คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก […]

หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids

สวัสดีค่ะ ^_^  อุปกรณ์คู่ใจของแม่ ๆ สุดสตรองทุกท่านก็คงหนีไม่พ้น “รถเข็นเด็ก” จริงไหมคะ..? ส่วนตัวมดเอง ลองใช้รถเข็นมาหลายยี่ห้อ แต่ตอนนี้บ้านเรากำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหลายวัน รถเข็นคันเดิมเริ่มไม่ตอบโจทย์เรื่องการพกพาอีกต่อไปแล้ว เพราะแค่ของใช้ก็เต็มรถแล้วค่ะ เราจึงมีโจทย์ในการหารถเข็นคันใหม่ว่า ต้องมีน้ำหนักเบา พับเก็บง่าย และแน่นอนว่าต้องเป็นแบรนด์ดังที่แม่ ๆ ไว้ใจ เหมือนสวรรค์มีตา 555 เพราะไม่กี่วันต่อมา เราก็ไปเจอใน IG คุณโอปอล์ว่า เพิ่งถอยรถเข็นใหม่ให้น้องอลิน อลันเหมือนกัน แถมยังเชียร์ว่ามันเบา ใช้งานสะดวกมากกก คุณแม่ขาช็อปอย่างเราก็ไม่รอช้าค่ะ ไปซื้อตามด่วน ๆ คุณโอปอล์ซื้อรถเข็นจากร้าน BABYGIFT ค่ะ มดเองไม่มีเวลาไปที่ร้าน เลยสั่งซื้อออนไลน์ กดสั่งปุ๊บ รอไม่นานก็มีน้องเสียงสวยโทรมานัดวันจัดส่งทันที 2 วันก็ได้ของค่ะ สะดวกมากก แล้วเราก็ได้รถเข็นที่ตอบโจทย์การใช้งานมา 1 คัน และนี่คือ “Aprica Magical Air Plus Highseat” รุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่ เล็ก และน้ำหนักเบา ที่สุด  ตัวนี้เค้าแนะนำสำหรับเด็กไม่เกิน 15 โล แต่ลูกบ้านนี้หนัก 16 โลก็ยังนั่งสบาย ๆ เลยค่ะ ราคาอยู่ที่ 10,335 บาท อย่างที่ทราบกันดีว่า “ถ้ารถเข็นต้อง Aprica”  ดังนั้นเค้าจึงมีความพิเศษค่ะรุ่นนี้น้ำหนักเบาเพียง 3.3 kg ถือมือเดียวได้สบาย ๆ และที่นั่งเป็นแบบ High Seat สูงจากพื้นดิน 52 cm. ซึ่งจะทำให้ฝุ่นละอองและความร้อนจากพื้นนั้นห่างจากลูกยิ่งขึ้น แถมยังสามารถพับเก็บได้แบบ One Step และล้อทั้ง 4 ก็จะติดกับพื้น ลากได้สบาย ๆ […]

เมื่อลูกน้อยของเราเริ่มโตขึ้นและมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป นอกจากการให้นมแม่แล้ว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังมองหาอาหารเสริมอื่น ๆ ให้กับเด็ก ๆ เพื่อรับประทานร่วมกับนมแม่ เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนการให้ลูกน้อย ให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น และยังเป็นการฝึกให้เริ่ม  กินอาหารชนิดอื่นนอกจากนมแม่อีกด้วย โดยทั่วไปแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับวิธีการเตรียมอาหารบดละเอียดให้ลูก แต่ปัจจุบันมีการกินที่เรียกว่า BLW (Baby-Led Weaning) ที่เป็นการฝึกให้ลูกน้อยของเราได้ช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เล็ก และยังส่งผลดีต่อการพัฒนาการของลูกอีกด้วย BLW คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ส่งผลดีต่อเด็กอย่างไร และคุณแม่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ BLW คืออะไร ? ชวนรู้จักวิธีการฝึกลูกน้อยกินข้าวมื้อแรกด้วยตัวเอง ผู้ปกครองหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า BLW คืออะไร ? Baby – Led Weaning หรือ BLW คือการฝึกให้ลูกของเรากินอาหารได้ด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเตรียมอาหารปั่นหรืออาหารบดให้ลูกน้อย แต่เป็นการให้ลูกน้อยใช้มือหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ และกินด้วยตัวเอง ให้ลูกได้ฝึกหยิบจับอาหาร ฝึกเคี้ยว และช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก จะนั่งกินเองหรือนั่งกินไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เช่นกัน โดยสามารถฝึกให้ลูกกินแบบนี้ได้ตั้งแต่อายุ 6 […]

trang ca cuoc bong da
Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages