เคล็ดลับ เลือกซื้อ ขวดนม เตรียมคลอด

หนึ่งอุปกรณ์สำคัญเพื่อการเลี้ยงลูกที่คุณแม่ขาดไม่ได้คือ ขวดนม ที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านอาจมองข้าม เพราะคิดและตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้นมแม่ล้วนหลังคลอด ซึ่งอาจลืมไปว่าแม้จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ขวดนมก็ยังมีความสำคัญและเป็นผู้ช่วยชั้นดีของการให้นมแม่ได้แน่นอน

» ขวดนมจำเป็นแค่ไหน ?

  • ช่วยให้คุณแม่ที่ปั๊มนมแช่เก็บไว้ให้ลูก สามารถให้นมแม่กับลูกได้สะดวกเวลาที่คุณแม่ไม่อยู่หรือติดธุระ
  • อำนวยความสะดวก ผ่อนแรงคุณแม่ในยามเหนื่อยล้า ในช่วงเวลาที่ไม่สะดวกให้นมจากเต้า ก็นำนมแม่ออกมาใส่ขวดให้ลูกกินได้ตลอดเวลา
  • ลูกน้อยได้รับคุณค่านมแม่เต็มที่ตลอดเวลา ในเวลาที่คุณแม่ต้องไปทำงาน
  • เป็นอุปกรณ์สำคัญช่วยให้ลูกได้กินนมผสมในช่วงของการเปลี่ยนนมตามวัย หรือเมื่อถึงช่วงเวลาหย่านมแม่
  • ลูกกินนมแม่ได้ยาวนาน ช่วยให้ลูกไม่สับสนในการกินนม เพราะกินทั้งนมแม่จากเต้าและกินนมแม่จากขวดได้
  • ฝึกการกินน้ำ กินนมกล่องหรือน้ำผลไม้ ในกรณีที่ลูกโตขึ้นแต่ยังดูดจากหลอดไม่เป็น
  • ให้พี่เลี้ยง คุณพ่อหรือคุณตาคุณยายได้ใกล้ชิด ให้ความอบอุ่น รับหน้าที่ป้อนนมแม่ให้ลูกแทนคุณแม่ได้

» ขวดนม มีกี่แบบ ?

ปัจจุบันขวดนมสำหรับเด็กผลิตขึ้นจากวัสดุที่หลากหลาย มีหลายประเภทและหลายรูปทรงให้เลือก

วัสดุของขวดนม

ขวดนมสำหรับเด็ก มีทั้งขวดแก้ว ขวดพลาสติก และขวดที่ใช้แล้วทิ้ง(Disposable Liners)ที่ใส่ลงในขวดนมอีกที  แต่ปัจจุบันขวดนมส่วนใหญ่ที่นิยมใช้มักผลิตจากพลาสติกเพราะน้ำหนักเบา ตกไมแตก ทนความร้อนและหาซื้อง่าบ โดยมีทั้งขวดพลาสติกใส ขวดพลาสติกขาวขุ่น และขวดสีชา ที่ผลิตจากพลาสติกที่ต่างชนิดกัน

1. ขวดนม PP

วัสดุ POLYPROPYLENE เป็นขวดนมที่มีสีโปร่งใส หรือสีขาวขุ่น มีน้ำหนักเบา ทนทาน โดยทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20 –110˚c มีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน และอาจเหลือน้อยลงหากผ่านความร้อนจากการต้มหรือนึ่งบ่อยๆ

2. ขวดนม PES

วัสดุ POLYETHERSULFONE เป็นขวดพลาสติกสีชาหรือน้ำผึ้ง สามารถทนอุณหภูมิได้ที่ -50–180˚c มีอายุการใช้งานยาวนานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานในการผ่านความร้อนบ่อยแค่ไหน และการดูแลรักษา

3. ขวดนม PPSU

วัสดุ POLYPHENYLSULFONE ลักษณะเป็นขวดพลาสติกสีน้ำตาลอ่อน ทนอุณหภูมิได้สูงประมาณ -50–180˚c มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 8 เดือน ถึง 2 ปี ขึ้นกับความถี่ในการต้ม หรือนึ่งฆ่าเชื้อ

รูปทรงขวดนม

ยุคนี้มีขวดนมให้คุณแม่เลือกมากมายหลายรูปทรง ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกรูปทรงที่ชอบ เหมาะกับการใช้งานและความสวยงามได้ตามใจชอบทั้ง ขวดนมทรงตรงฐานกว้าง ทรงกลม ทรงโค้ง ขวดนมทรงเอวคอด ขวดนมทรงถั่ว ขวดนมทรงงอ ขวดนมทรงมะละกอมีรูตรงกลางให้จับ ตลอดจนขวดนมมาพร้อมมือจับ

» ขวดนมคอกว้าง – ขวดนมคอแคบ เลือกใช้แบบไหนดี?

เดี่ยวนี้มีขวดนม 2 ลักษณะใหญ่ให้คุณแม่เลือกใช้นั่นคือ ขวดนมคอกว้างและขวดนมคอแคบ  ซึ่งมีคุณสมบัติรวมถึงข้อดีข้อเสียที่แตกต่าง โดยคุณแม่ควรพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะตามต้องการ นั่นคือ

ขวดนมคอกว้าง 

ข้อดี : ฐานจุกนมกว้างคล้ายนมแม่  เหมาะกับคุณแม่ที่ให้นมจากเต้าสลับกับให้นมแม่ที่เก็บไว้ใส่ขวด ช่วยให้ลูกน้อยไม่สับสน  ลดปัญหาลูกปฏิเสธนมขวด และลดปัญหาลูกปฏิเสธเต้าในเวลาที่คุณแม่ฝึกลูกกินนมแม่จากขวด  นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างยังล้างง่าย แห้งเร็ว เพราะฐานคอขวดกว้าง

นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างในปัจจุบัน มักมีดีไซน์ที่ช่วยไม่ให้ลูกดูดลมเข้าท้อง ป้องกันอาการแน่นท้อง ท้องอืด นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างเริ่มเป็นที่นิยมใช้และหาซื้อได้ง่ายกว่าแต่ก่อน

ข้อเสีย : ขวดนมมีขนาดกว้างอาจทำให้คุณแม่ถือลำบากและทำให้ลูกน้อยถือไม่ถนัด ขวดชนิดนี้ต้องใช้พื้นที่ในการเก็บ  และราคามักสูงกว่าขวดนมแบบคอแคบ

ขวดนมคอแคบ

ข้อดี : เป็นขวดนมแบบมาตรฐานที่มีใช้มายาวนาน และยังเป็นขวดนมที่มีจุกนมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ หรือจุกนมยาว มักหาซื้อง่ายมีให้เลือกเยอะ และราคาถูกกว่าจุกและขวดนมคอกว้าง

ข้อเสีย : หากคุณแม่ให้นมแม่จากเต้าแล้วต้องการสลับให้ลูกกินนมแม่จากขวด อาจทำให้ลูกสับสนไม่เอาขวดนมหรือกินนมจากขวดได้ เพราะขวดนมคอแคบจะใช้จุกนมแคบ ที่มีลักษณะไม่เหมือนกับการดูดนมจากเต้าแม่ ทำให้ลูกปฏิเสธกินนมได้ รวมถึงขวดนมคอแคบและจุกนมจะมีขนาดเล็กทำให้ล้างได้ยาก อาจทำความสะอาดไม่ทั่วถึง เป็นที่สะสมของเชื้อโรคได้

» ควรซื้อ ขวดนม ให้ลูก มากแค่ไหน ?

  • พิจารณาจากการใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ ในการเลี้ยงลูก เช่น หากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุณแม่เลี้ยงลูกเต็มเวลา อาจใช้ขวดนมน้อยเริ่มต้นที่ 2-3 ขวด แต่หากแม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน ให้นมแม่จากสต๊อกที่เก็บไว้ และต้องให้ขวดนมสลับนมแม่จากเต้า  รวมถึงลูกน้อยถึงวัยเริ่มให้อาหารเสริมหรือเปลี่ยนมาให้นมผสม คุณแม่อาจต้องใช้ขวดนมเพิ่มขึ้นเป็น 4-6  ขวด
  • ความจำเป็นที่ต้องใช้ กรณีไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ อาจต้องมีขวดนมจำนวนมากประมาณ  6-8 ขวด เพื่อให้เพียงพอต่อการให้นมลูกน้อยหลายมื้อต่อวัน
  • จำนวนลูกน้อย หรือการวางแผนมีลูกในอนาคต เพราะหากคุณแม่มีลูกแฝด หรือวางผนจะมีลูกอีกคนเร็วๆ นี้ ก็สามารถซื้อขวดนมเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนที่ต้องใช้จริง เช่น 6-10 ขวด

Tips ขนาดของขวดนมที่ใช้ แนะนำว่าหากเลี้ยงลูกน้อยในช่วง 3 เดือนแรก อาจจะใช้ขวดนมขนาดเล็กไม่เกิน 2 ออนซ์ หรือ 4 ออนซ์  แต่เมื่อลูกโตขึ้นอาจเพิ่มขนาดเป็นขวดนม 8 ออนซ์ ขึ้นไปได้

» ข้อควรสังเกตในการซื้อ ขวดนม

ควรเลือกขวดนม BPA Free โดยสังเกตคำว่า BPA Free เนื่องจากหากขวดนมมีสารนี้ สาร BPA ที่ปนเปื้อนมากับพลาสติกอาจหลุดไปสะสมปะปนกับนมและอาหารที่อยู่ในขวดนมของลูก ส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ การสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท ความทรงจำและการเรียนรู้ของลูกน้อยจนก่อโรคร้ายเป็นอันตรายได้ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลใจเนื่องจากขวดนมรุ่นใหม่มักไม่มี BPA ต่างจากขวดนมรุ่นเก่าที่ผลิตจากวัสดุ PC (Polycarnonate)

อย่างไรก็ตามก่อนเลือกซื้อขวดนม คุณแม่ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์พิจารณาวัสดุที่ผลิตทุกครั้งก่อนเสมอ

» เคล็ดลับเลือกขวดนม ให้พร้อมก่อนคลอด

  • เลือกแบบที่ต้องการใช้ เช่น คิดไว้ว่าจะให้นมแม่ แล้วต้องสลับกับให้นมแม่สต๊อกจากขวดนม จึงควรเลือกขวดนมแบบคอกว้างเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสับสนระหว่างดูดนมแม่กับนมขวด เนื่องจากขวดนมคอกว้างจะใช้จุกนมฐานกว้างคล้ายนมแม่
  • ซื้อในปริมาณที่คิดว่าจะได้ใช้จริงหลังคลอด เช่น หลังคลอดสามารถลาคลอดได้ 3 เดือน อาจไม่ต้องซื้อมาก เพราะมีเวลาให้นมแม่เต็มที่ เป็นต้น
  • เช็คดูคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น เลือกขวดนมที่ช่วยลดอาการโคลิก ไม่ให้ดูดลมเข้าไป ป้องกันลูกทารกท้องอืดแน่นท้อง
  • ดูงบประมาณที่เหมาะสม เพราะคุณแม่ต้องซื้อของใช้จำเป็นอื่นๆ อีกหลายอย่าง ฉะนั้นอาจเลือกซื้อขวดนมราคากำลังดี ไม่แพงมากเกินไป เพื่อให้แหมาะกับเศรษฐกิจของครอบครัว
  • เลือกขวดนมที่มีคุณภาพดี มีความทนทาน ใช้ได้คุ้มค่า เป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้หรือได้รับความนิยม และควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่ไว้วางใจได้

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

เนื่องในเดือนแห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโรงเรียนทอสีได้จัดสัมนาเรื่อง“เลี้ยงลูกแบบสมเด็จย่า” โดยคุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา อดีตข้าหลวงในพระองค์มาร่วมเล่าประสบการณ์และแบ่งปันคำสอนของสมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทยเมื่อฟังแล้วรู้สึกอยากจะบอกต่อ ถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกของพระองค์ ที่มีทั้งความปราดเปรื่องหลักแหลมและมีเป้าหมายที่ชัดเจนสมควรใช้เป็นแบบอย่างเป็นอย่างยิ่ง ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น : คำพังเพยที่เราได้ยินบ่อยๆ แต่น้อยครั้งนักจะทำความเข้าใจอย่างจริงจังในขณะที่ตัวอย่างมีให้เห็นทั้งในทางที่ดีและทางที่ไม่ดีในเรื่องของการเลี้ยงดูบุตร สมเด็จย่าทรงเริ่มจากการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ทำเป็นต้นแบบในเรื่องของการมีวินัย การรักการค้นคว้าศึกษาหาความรู้ การประพฤติตัวที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม ทั้งหมดนี้คือการตั้งตนเป็นต้นแบบให้กับลูกเพราะเด็กเล็กจะมีพฤติกรรมเลียนแบบจากคนใกล้ชิดเพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องลองตั้งคำถามกลับมาที่ตัวเองว่าทุกวันนี้ที่เราอยากให้ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้แล้วเราล่ะเป็นแล้วหรือยัง ตั้งเป้าหมายในการเลี้ยงลูก: สมเด็จย่าทรงเป็นพระมารดาที่มีเป้าหมายในการเลี้ยงลูกอย่างชัดเจนคือทรงตั้งใจอบรมพัฒนาลูกๆ ให้ดีในทุกๆ ด้านเพื่อให้เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง ทรงไม่คิดถึงประโยชน์ของพระองค์เอง ประโยชน์ของพระโอรส หรือพระธิดา แต่ทรงมองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ในปัจจุบันหลายครั้งที่เราเห็นพ่อแม่ส่งลูกเรียนพิเศษในทุกวิชาโดยที่ไม่ได้ถามลูกว่าลูกอยากเรียนอะไร หรือพ่อแม่ที่คาดหวังเรื่องผลการเรียนสูงๆ จากลูกเหล่านั้นคือการตั้งเป้าหมายกับลูกซึ่งเป็นการเอาความคาดหวังของตัวเองไปให้กับลูก เราจึงต้องมองย้อนกลับมาดูใหม่ว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้หรือความคาดหวังนั้นเป็นไปเพื่อใคร เพื่อลูก เพื่อตัวเราเอง หรือเพื่อคนอื่นๆ ด้วย ถ้าพ่อแม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเลี้ยงลูกก็จะทำให้เราสามารถพัฒนาประสิทธิภาพของเด็กๆ ได้สูงยิ่งขึ้น จัดแบบแผนและสร้างระเบียบวินัยตั้งแต่ลูกยังเล็ก: สมเด็จย่าทรงวางแผนการดำเนินชีวิตให้กับพระโอรสพระธิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เนื่องจากต้องทรงเป็นทั้ง “พ่อ” และ “แม่” ในเวลาเดียวกันทรงจัดการทุกอย่างเป็นเวลา โดยมีผู้ช่วยคือพระพี่เลี้ยงเพียงหนึ่งคนเท่านั้นเนื่องจากในเวลาที่เด็กยังเล็กเขาไม่มีความรู้เรื่องขอบเขตของเวลา พ่อแม่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดเวลาให้กับพวกเขาเช่นนอน รับประทานอาหาร เล่น ไปโรงเรียน อาบน้ำ ออกกำลังกาย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะสร้างวินัยให้กับลูกซึ่งสมเด็จย่าทรงเน้นเรื่องวินัยในการดำเนินชีวิตพระองค์รับสั่งถึงคำว่า “ระเบียบวินัยอย่างมีหลักการ” คือการกำหนดขอบเขตของเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิตซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโตของเด็กๆ ต่อไป เล่นอย่างถูกวิธี : เมื่อถึงเวลาเล่นจะทรงปล่อยให้พระโอรสและพระธิดาเล่นอย่างอิสระ โดยจะทรงให้เล่นกับธรรมชาติ ต้นไม้ น้ำทรงเน้นให้เล่นกับสิ่งที่มีในธรรมชาติมากกว่าของเล่น ทรงอนุญาตให้พระโอรสเล่นจุดไฟแต่จะทรงบอกวิธีในการเล่นที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย ผลจากการที่พระโอรสและพระธิดาได้ทรงเล่นคลุกดินคลุกทรายหรือได้ทำการทดลองกับธรรมชาติเหล่านี้ส่งผลให้ทั้งสามพระองค์ได้พัฒนาความคิดและความสามารถโดยที่ไม่ทรงรู้ตัว ตัวอย่างเช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างหลุมที่เกิดจากการปลูกต้นไม้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ทดลองขุดดิน ใส่น้ำ ปลูกต้นไม้ จะสามารถสร้างแอ่งน้ำขึ้นมาได้ด้วยพระองค์เอง […]

วันนี้เรามีประสบการณ์จริง จากประโยชน์ของการใช้คาร์ซีท ที่คุ้มค่ามากเท่าชีวิต คุณปีใหม่ คุณแม่มือใหม่ที่ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีท ตั้งแต่เธอเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ เธอให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ช่วงนั้นค่อนข้างมีปัญหากับทางบ้านนิดหน่อย เนื่องจากคุณแม่ของเธอเป็นคนหัวโบราณ ไม่เข้าใจเรื่องคาร์ซีท และคิดว่าจะอุ้มหลานเองน่าจะปลอดภัยอยู่แล้ว เธอจึงต้องอธิบายให้คุณแม่เข้าใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ จนมาวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เธอเล่าว่า วันนั้นเธอ สามีและน้องบีน่าลูกสาววัยเพียง 2 เดือน กำลังเดินทางกลับจากจังหวัดชลบุรี  อยู่บนทางด่วนบูรพาวิถี สามีใช้ความเร็วปกติ เธอนั่งที่เบาะหลัง ส่วนน้องบีน่า นอนหลับปุ๋ยอยู่ในคาร์ซีท เมื่อสามีขับออกมาจากช่องเก็บค่าทางด่วน สังเกตเห็นว่ารถคันหน้าที่ขับอยู่เลนขวา ขับช้าผิดปกติ สามีจึงจะแซงซ้ายขึ้นไป ทันใดนั้นรถคันหน้าก็เปลี่ยนเลนมาทางซ้ายกะทันหัน เลยชนเข้าอย่างแรง เมื่อรู้ตัวอีกทีคุณปีใหม่กระเด็นไปอยู่ที่เบาะหน้า เพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย มีรอยฟกช้ำ ระบมไปทั้งตัว  Airbag แตกรอบคัน พอมีสติก็รีบเปิดประตูรถไปดูน้องบีน่าก่อนเลย น้องบีน่ายังหลับปุ๋ยอยู่ในคาร์ซีทเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ  นี่ถ้าอุ้มลูกไว้เองจะเป็นยังไงไม่อยากนึกเลย ตัวเองยังเอาไม่รอด ขอบคุณคาร์ซีทมากๆ ลูกรอดตายเพราะคาร์ซีทจริงๆ หลังจากเหตุการณ์นี้ คุณยายของน้องบีน่าก็เข้าใจประโยชน์ของคาร์ซีทแล้วว่าสำคัญมากเพียงใด ในวันนั้นคาร์ซีทได้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตหลานตัวน้อยเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด  และได้นำเรื่องนี้ไปบอกต่อ กับคนรู้จักว่า “หลานฉันรอดมาได้เพราะคาร์ซีทแท้ๆ” คุณปีใหม่ใช้คาร์ซีท Ailebebe ที่ซื้อจากร้าน Baby Gift ซึ่งทางเรามีบริการ รับประกันสินค้า เปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่ให้ลูกค้า หากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ทาง Baby […]

คุณอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับเกียรติเชิญให้เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่บุคลลากรทางการศึกษา จำนวน 70 ท่าน ภายใต้ชื่อ “ความจำเป็นของคาร์ซีทและการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างไรให้ถูกวิธี” ณ โรงเรียนเลิศหล้า ทั้งนี้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างถูกวิธี เพื่อให้บุคลลากรทางการศึกษาได้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของคาร์ซีท และสามารถนำมาปรับใช้กับนักเรียนในโรงเรียนได้ เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้

คาร์ซีทเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีสำหรับลูกน้อยของเราตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 ปี เพื่อความปลอดภัยขณะนั่งรถยนต์ ประกอบกับมีการออกกฏหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2566 ให้ใช้คาร์ซีทในเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี ยกเว้นรถรับจ้างหรือรถสาธารณะ ดังนั้นทุกบ้านควรจะต้องเตรียมคาร์ซีทให้พร้อมตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะต้องให้ลูกน้อยนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ปัจจุบันคาร์ซีทก็มีหลายแบบมาก คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกแบบไหนดี หรือจะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ที่มีคุณภาพดี ปลอดภัยได้มาตรฐาน และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ BabyGift มีมาแนะนำแล้วค่ะ   จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? แนะนำวิธีเลือกคาร์ซีทเด็กแรกเกิด มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย      ผู้ปกครองบางท่านอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมต้องใช้คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย ขอบอกว่า คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ค่ะ คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งในรถยนต์ของคุณพ่อคุณแม่เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ในขณะที่นั่งรถยนต์ เพื่อป้องกันหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด คาร์ซีทจะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บรุนแรง หรือลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ ซึ่งคาร์ซีทก็มีหลายแบบมาก มีตั้งแต่คาร์ซีทเด็กแรกเกิด คาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก และคาร์ซีทสำหรับเด็กโต นอกจากจะมีหลากหลายแบบแล้วก็ยังมีหลายยี่ห้อด้วย แล้วจะเลือกอย่างไรดี จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? ให้กับลูกรักของเรา มารู้จักกับแต่ละประเภทของคาร์ซีทให้มากขึ้นก่อน ไปดูยี่ห้อที่ BabyGift แนะนำกันค่ะ  คาร์ซีทเด็กแรกเกิด […]

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : เว็ปไซด์ theasianparent.com

น้ำนมของแม่นั้นเป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะต้องกินนมจากแม่เป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาก็อาจจะไม่ได้มีปัญหากับการสต็อกน้ำนมเอาไว้ เพราะเน้นการเอาลูกเข้าเต้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การทำสต็อกน้ำนมเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะได้มีน้ำนมเอาไว้ให้ลูกน้อยอย่างเพียงพอ ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษา นมแม่ มาฝากกันค่ะ จะเก็บน้ำนมอย่างไรให้ไม่เหม็นหืน ไม่บูด และคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้ได้มากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ทำไมนมของแม่มีกลิ่นเหม็นหืน ? มีวิธีการเก็บรักษา นมแม่อย่างไรไม่ให้มีกลิ่นและคงคุณค่าได้นาน คุณแม่บางคนอาจพบว่านมที่ตนเองทำการสต็อกไว้นั้นมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งมักจะเกิดกับนมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงที่ระบบละลายน้ำแข็งทำงาน นมที่แช่แข็งเอาไว้ก็จะละลายไปด้วย และเมื่อช่องแช่แข็งกลับมาเย็นจัดใหม่ ก็ทำให้น้ำนมแข็งตัวอีกครั้ง กระบวนการนี้หากเกิดขึ้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ไขมันในน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้นมมีกลิ่นเหม็นหืนได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วการเก็บรักษานมแม่ ในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติแบบนี้ ก็เสี่ยงจะทำให้น้ำนมที่เก็บเอาไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้  สาเหตุที่นมแช่แข็งละลายมาเป็นน้ำนมแล้วมีกลิ่นเหม็นหืน ก็เพราะว่าในน้ำนมของแม่มีเอ็นไซม์ไลเปส ที่จะช่วยย่อยไขมันในน้ำนมของแม่ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อผสมกับโปรตีนเวย์ในน้ำนมได้ดี ทำให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมวิตามิน A และวิตามิน D ได้มากขึ้น ถ้าในน้ำนมของแม่มีไลเปสมากก็จะย่อยไขมันได้มาก ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีกลิ่นหืนก็ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ยังสามารถกินได้ แต่ในเด็กบางคนอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นหืน สามารถแก้ไขได้โดยการนำน้ำนมที่ปั๊มมาใหม่ๆ ผสมกับนมที่มีกลิ่น ก็จะช่วยเจือจางกลิ่นและลดความเหม็นหืนไปได้ […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages