ต้องเตรียมอะไรบ้าง ก่อนเริ่มให้ลูก กินแบบ BLW มื้อแรก

คุณแม่ยุคใหม่หลายๆ ท่านอาจจะรู้จัก วิธีการให้อาหารเสริมลูกน้อยแบบ Baby Led Weaning หรือการ กินแบบ BLW กันบ้างแล้ว เพราะเป็นวิธีการที่หลายบ้านเริ่มนิยมใช้ เนื่องจากเป็นการฝึกลูกกินอาหารเสริมด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก ในแบบที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องป้อน และไม่ต้องบดหรือปั่นอาหารให้ลูกน้อย
ที่สำคัญคือการให้ลูกกินอาหารเสริมด้วยวิธีนี้ ยังมีข้อดีหลายอย่าง เพราะเป็นการฝึกให้ลูกได้ใช้พัฒนาการทั้งด้านกล้ามเนื้อ สายตา ได้เรียนรู้รสชาติอาหารที่แตกต่าง และเป็นการฝึกพื้นฐานการช่วยเหลือตัวเองเพื่อพัฒนาให้ลูกสามารถทำอะไรได้เองเก่งขึ้นในอนาคต

กินแบบ BLW มีขั้นตอนอย่างไร?
วิธีการ กินแบบ BLW มีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
- ให้ลูกกินด้วยวิธี BLW เมื่อลูกน้อยถึงวัยเริ่มอาหารเสริมและนั่งได้แล้ว จะต้องหัดนั่งกินอาหารด้วยตัวเองบนเก้าอี้ทานข้าวเด็ก หรือ High Chair ได้มั่นคง และเริ่มใช้มือหยิบจับอาหารเข้าปากเองได้ด้วย
- ในช่วงแรกคุณแม่เริ่มด้วยการเตรียมอาหารที่เป็นชิ้นๆ นิ่มๆ หรือ Finger food ที่ลูกจับถนัดมือกินได้เอง โดยไม่ต้องบดหรือปั่นอาหาร เช่น ผักต้มตุ๋น หั่นเป็นชิ้น อาทิ แครอทต้ม ข้าวโพดต้ม บล็อกโคลี่นึ่ง กะหล่ำดอกนึ่ง ผลไม้เนื้อนิ่ม ไข่แดงต้มสุก
- เมื่อลูกคุ้นเคยแล้วจากนั้น ปรับอาหารเป็นเมนูที่คล้ายผู้ใหญ่ แต่ต้องไม่ปรุงรสหรือปรุงน้อย และหั่นให้ลูกจับกินได้โดยไม่ติดคอ เช่น ข้าวไข่เจียวหั่นเล็ก ผัดฟักทองกับผักนึ่ง ตลอดจนหลีกเลี่ยงอาหารที่ห้ามกินและอาหารเสี่ยงการติดคอ
- เมื่อเตรียมอาหารแล้วคุณแม่ต้องให้ลูกน้อยนั่งในเก้าอี้ทานข้าว จัดอาหารใส่ถาดหรือจาน ล้างมือให้ลูก ใส่ผ้ากันเปื้อน ปูพลาสติกกันเลอะลงที่โต๊ะหรือพื้น แล้วให้ลูกได้หยิบอาหารกินด้วยต้วเอง
ซึ่งการให้ลูกกินด้วยวิธีการแบบนี้ จะช่วยให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกรักมีความสุขกับมื้ออาหารของลูกมากขึ้น เพราะไม่ต้องเหนื่อยเดินป้อนข้าวลูก ลูกน้อยเองก็รู้สึกสนุก เพลิดเพลินกับการได้หยิบจับอาหารเข้าปาก ทำให้การ กินแบบ BLW เป็นที่นิยมกันในครอบครัวต่างประเทศ และนิยมในเมืองไทยบ้านเรามากขึ้น แต่การจะเริ่มให้ลูกกิน BLW จะต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนให้มื้อแรก และคุณแม่ต้องเรียนรู้ข้อจำกัดและข้อควรระวังหลายๆ อย่าง ดังนั้นไปดูกันว่ามีอะไรที่คุณแม่ต้องพิถีพิถันใส่ใจบ้าง
แม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง? เมื่อเริ่มให้ลูก กินแบบ BLW
แม้จะดูเหมือนการให้อาหารเสริมลูกด้วยวิธีการ BLW นี้ จะไม่ได้ยุ่งยากนัก แต่ก็มีเรื่องสำคัญต่างๆ ที่คุณแม่จะต้องใส่ใจและพิถีพิถันเลือกให้ลูกน้อย เพื่อความปลอดภัย และให้อาหารลูกในแบบ BLW ได้สำเร็จ นั่นคือ

1) เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ในการกินให้พร้อม
เก้าอี้ทานข้าวเด็ก หรือ High Chair เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนให้ลูกกิน BLW มื้อแรกเพราะลูกต้องนั่งกินอาหารเท่านั้น! เก้าอี้ทานข้าวจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำให้ลูกอยู่กับที่ นั่งกินอาหารอย่างปลอดภัย และอยู่ในระดับที่ใกล้สายตาพ่อแม่ ทั้งยังนั่งเก้าอี้นี้กินอาหารร่วมโต๊ะกับพ่อแม่ได้ ซึ่งเก้าอี้ทานข้าวเด็กที่ดี ควรมีคุณสมบัติดังนี้
- มีความมั่นคงแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี โดยอาจสามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 30-40 กิโลกรัม
- ผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย เช่นพลาสติกปลอดสารพิษที่ทนทาน หรืออาจเป็นไม้เนื้อแข็ง
- มีโครงสร้างของขาเก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อให้เวลาเด็กนักกินข้าว นั่งได้อย่างบาลานซ์หรือสมดุง ไม่เอียงโยกหรือเอนล้มลงมาได้ เนื่องจากในแต่ละมื้อลูกจะต้องนั่งเป็นเวลานาน นั่งันละ 3 เวลา และเด็กมักจะไม่นั่งเฉยๆ
- สามารถปรับระดับความสูงของเก้าอี้ได้หลายระดับ ซึ่งปัจจุบันมีเก้าอี้ทานข้าวเด็กสามารถปรับระดับได้ตั้งแต่ 5-10 ระดับ โดยจะเป็นระดับที่ปรับให้เหมาะกับความสูงของโต๊ะที่จะนั่งกับผู้ใหญ่ ระดับตัวของลูก และการให้ลูกยกแขนกินอาหารได้สะดวก
- โครงสร้างการเชื่อมต่อ และการล็อกเก้าอี้ มีความแน่นหนาไม่มีโอกาสร่วงหลุดจนเป็นอันตราย
- มีเข็มขัดนิรภัยล็อกตัวลูกน้อย 3-5 จุดตามความเหมาะสม เพื่อความปลอดภัย ไม่ให้ลูกเลื่อนหลุด หรือหล่นลงมาจากเก้าอี้
- ต้องเป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิงกว้างเหมาะสมกับลูก พร้อมกับต้องมีเบาะรองนั่งที่ผลิตจากวัสดุที่ดี ออบแบบให้พอดีกับตัวลูก เพื่อจะทำให้ลูกนั่งได้สบายไม่แข็งหรือรู้สึกเจ็บ รู้สึกอึดอัดได้
- มีที่วางขาปรับขึ้น-ลงได้ จะช่วยให้ลูกวางขาสบาย พร้อมกับปรับระดับขาให้ลูกนั่งวางขาได้แบบสบายที่สุด
- มีถาดอาหาร ที่สามารถปรับระดับ เข้า – ออก ตามสรีระของลูกน้อยได้ รวมทั้งถาดอาหารควรถอดออกมาทำความสะอาดได้สะดวก
- เก้าอี้ทานข้าวของลูก ควรมีล้อที่สามารถล็อกได้มั่นคง ไม่เลื่อนไหลเวลาลูกนั่ง และสามารถปลดล็อกเพื่อเคลื่อนย้ายได้สะดวก และยิ่งหากเก้าอี้ทานข้าวของลูกสามารถปรับพับเก็บได้ ยิ่งทำให้บ้านดูสะอาดเรียบร้อย ปลอดภับ เพราะสามารถเก็บเก้าอี้ให้เข้าที่เรียบร้อยได้ ไม่ต้องกางทิ้งไว้เกะกะบ้าน

จาน ชาม ถาดอาหารของลูก ควรเป็นจานชามสำหรับเด็ก ที่ผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย ไม่ใช้พลาสติกอันตราย น้ำหนักเบา ไม่แตกหักง่าย ไร้สารพิษ ไม่มีสีที่เป็นอันตราย ผ่านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม สามารถใส่อาหารได้ทั้งร้อนและเย็น รวมถึงคุณแม่อาจเลือกจานชามที่มีลวดลายน่ารักมีสีสันถูกใจหรือดึงดูดใจคุณหนูๆ ให้ทานข้าวก็ได้
และเคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้ลูกน้อยกินอาหารแบบ BLW ได้สะดวก โดยที่คุณแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องการหกเลอะเทอะมาก คือการเลือกจานชามสำหรับเด็กที่ไม่เลื่อนออกจากเก้าอี้ทานข้าวง่ายๆ นั่นคือจานหรือชามอาหารเด็กแบบที่มีกันลื่น หรือก้นจานชามมียางดูดติดกับโต๊ะ/เก้าอี้ ซึ่งเวลาที่ลูกใช้มือหยิบจับอาหาร กินบ้างเล่นบ้าง อาจจะมีการเล่นเคลื่อนไหว จนชามอาหารเลื่อนหรือหล่นได้ ดังนั้นการใช้จามกันลื่น จะช่วยให้จานอาหารอยู่กับที่ ป้องกันไม่ให้ลูกเลื่อนหรือเล่น จนจานชามตกหล่น ส่งผลให้คุณแม่ต้องล้างและใส่อาหารใหม่ให้ลูกนั่นเอง

ผ้ากันเปื้อน เตรียมไว้ใส่ให้ลูกเวลากินอาหาร ป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าของลูกต้องเลอะอาหารมากเกินไป จนคุณแม่ทำความสะอาดได้ยาก
พลาสติกหรือผ้ายางกันเปื้อน ปูโต๊ะ พื้น หรือรองปูเก้าอี้ ช่วยให้คุณแม่ทำความสะอาดเก้าอี้ให้ลูก หรือพื้นบ้านได้สะดวกขึ้น เนื่องจากพลาสติกหรือผ้ายาง จะรองรับเศษอาหารไว้ก่อนในด้านแรก ทำให้เททิ้งสะดวก และล้างได้ก่อนที่จะเปื้อนโต๊ะหรือพื้น
อุปกรณ์ทำความสะอาด เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนปลอดภัย ผลิตจากส่วนประกอบของธรรมชาติที่ไม่มีสารเคมีตกค้าง สำหรับใช้ล้างเช็ดเก้าอี้ทานข้าวของลูก และล้างจานชามต่างๆ ให้สะอาดปราศจากเชื้อโรค
2) เรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลในยามฉุกเฉิน
คุณพ่อคุณแม่หรือคนในบ้านทุกคนควรมีความรู้พื้นฐานที่ถูกต้องในการช่วยเหลือลูกน้อยได้เบื้องต้น กรณีที่ลูกมีอาการสำลัก ติดคอ หรือมีอะไรหลุดลงคอจนอุดกั้นทางเดินหายใจ เพื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถช่วยลูกได้ทันท่วงที หรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ถูกต้องก่อนส่งถึงมือคุณหมอ
3) รู้จักอาหารห้ามลูกกิน และอาหารเสี่ยงติดคอ
ได้แก่ อาหารที่มีเศษกระดูก ก้าง มีกระดูกอ่อน เมล็ดผลไม้หรือเมล็ดธัญพืช เมล็ดมะขาม เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม ผลไม้ชิ้นใหญ่ ไส้กรอก ลูกชิ้น ป๊อบคอร์น รวมถึงอาหารที่ห้ามลูกเล็กกิน เช่น น้ำแข็งก้อน เยลลี่ น้ำผึ้ง มะเขือเทศทั้งลูก เนยถั่ว หรืออาหารที่ลูกแพ้

สิ่งที่แม่ต้องรู้ เมื่อลูก กินแบบ BLW
- ต้องมีผู้ใหญ่อยู่กับลูกขณะกินอาหารด้วยตลอดเวลา เพื่อดูแลและสังเกตอาการผิดปกติ
- เรียนรู้วิธีสอนลูกให้ถูกต้อง การให้ลูกกินอาหารในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น นั่งทานอาหารกับพ่อแม่ภายในเวลาไม่เกิน 45 นาที หากลูกไม่กินหรือกินเหลือ จะต้องเก็บตามชาม ให้เขาได้เรียนรู้ว่าหมดเวลากินแล้ว
- ทำความเข้าใจเรื่องการให้อาหารแบบนี้กับผู้ใหญ่ในบ้าน ต้องบอกทุกคนว่าต้องให้ลูกหยิบอาหารเข้าปากเอง ต้องไม่ใช้ช้อนป้อนหรือเดินป้อนอาหารลูก ไม่ต้องใช้มือดัน หรือเชียร์กดดันให้ลูกกิน เพราะกินแบบนี้จะให้ลูกกำหนดและตัดสินใจกินเอง
- ลูกอาจมีอาการขย้อนอาหารออกมาข้างหน้าได้บ้าง ซึ่งเป็นปกติไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นกลไกของร่างกายเพื่อไม่ให้อะไรหลุดลงไปติดคออุดทางเดินหายใจ ซึ่งลูกเรียนรู้หลังการขย้อนว่าจะต้องเคี้ยวให้ละเอียดอีกครั้งแล้วค่อยกลืนใหม่ บางคนอาจจะอาเจียนออกมาได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปลูกจะเริ่มเรียนรู้ที่การกินได้ดีขึ้น เช่น ไม่กินคำใหญ่เ ต้องเคี้ยวอาหารเสมอ
- กรณีเกิดเหตุการณ์อาหารติดคอ หรือมีอะไรไปขวางทางเดินหายใจ (choke) ลูกจะมีอาการไอไม่ออก หน้าซีดหน้าเขียว ดูทุรนทุราย และมีสีหน้าเปลี่ยน เมื่อเห็นเช่นนี้ต้องรีบช่วยเหลือลูกทันทีด้วยวิธีการกดนิ้วที่หน้าอก หรือจับลูกพาดขาแล้วตบหลังเบาๆ โดยทุกบ้านต้องศึกษาวิธีการช่วยเหลือนี้อย่างถูกต้องไว้ เพื่อนำมาใช้ช่วยชีวิตทุกคนได้ในอนาคต
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Optia สำหรับเด็กแรกเกิด – 3 ปี หรือน้ำหนัก 2.5 – 15 kg เพื่อความสุขแบบ Double ประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางที่สบายกว่าช่วยให้การเดินทางสำหรับคุณแม่และลูกน้อยเป็นเรื่องง่าย สะดวก สบาย ด้วยนวัตกรรมที่เหนือกว่า Function 1 : ลดแรงสั่นสะเทือนแบบ Double ด้วยระบบรองรับแรงกระแทกถึง 2 จุดระบบรองรับแรงกระแทกใต้ที่นั่ง และระบบรองรับแรงกระแทกที่ล้อ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 40% Function 2 : ระบายอากาศแบบ Double ด้วยเบาะรองนอน Silky Air และผ้าระบายอากาศทุกชั้นเบาะรองนอน ถักทอด้วยเส้นใย Silky Air มีความอ่อนนุ่ม ระบายอากาศได้ดี ให้ความรู้สึกเบาสบายเมื่อสัมผัสกับผิวที่บอบบางของทารก Function 3 : ลดความอับชื้นแบบ Double ด้วยระบบ DoubleThermo Medical Sysem ช่วยระบายอากาศให้ความรู้สึกสบายตัวแผ่นฉนวนกันความร้อนพิเศษด้านหลัง ลดความร้อนสะสมบริเวณหลัง และลดอุณหภูมิของร่างกายลูกน้อยในขณะหลับได้ดี Function […]
คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swingmoon Seriesคาร์ซีทสำหรับเด็กเริ่มเข้าวัยเรียนรู้ ช่วงวัย 1 – 7 ปี หรือน้ำหนัก 9 – 25 kg. ที่ให้ความสบายและปลอดภัยสูงสุด(คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swing Moon Premium S Natural ,รุ่น Swing Moon STD) คาร์ซีทสำหรับเด็กวัย 1 – 7 ปี ปรับใช้งานได้ 2 รูปแบบตามช่วงวัย– Child Style ช่วงวัย 1-4 ปี ใช้เข็มขัดนิรภัยรถยนต์ล็อคตัวคาร์ซีท และเข็มขัดนิรภัยคาร์ซีทล็อคตัวลูกน้อยเพื่อความปลอดภัย– Junior Style ช่วงวัย 3-7 ปี ใช้เข็มขัดนิรภัยรถยนต์ล็อคตัวลูกน้อยเพื่อความปลอดภัยได้เลย เพราะด้วยน้ำหนักเด็กที่มากพอที่จะช่วยกดทับคาร์ซีทให้อยู่อย่างมั่นคงได้ เทคนิคการเลือกคาร์ซีท :ควรเลือกที่เหมาะกับน้ำหนักตัว และอายุของลูกน้อย อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจก็ได้ เพราะเด็กบางคนอายุมากแต่น้ำหนักตัวน้อย ในขณะที่บางคนอายุน้อยแต่สูงและน้ำหนักตัวมากค่ะ ปรับเอนนอนได้ […]
เมื่อลูกน้อยของเราเริ่มโตขึ้นและมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป นอกจากการให้นมแม่แล้ว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังมองหาอาหารเสริมอื่น ๆ ให้กับเด็ก ๆ เพื่อรับประทานร่วมกับนมแม่ เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนการให้ลูกน้อย ให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น และยังเป็นการฝึกให้เริ่ม กินอาหารชนิดอื่นนอกจากนมแม่อีกด้วย โดยทั่วไปแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับวิธีการเตรียมอาหารบดละเอียดให้ลูก แต่ปัจจุบันมีการกินที่เรียกว่า BLW (Baby-Led Weaning) ที่เป็นการฝึกให้ลูกน้อยของเราได้ช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เล็ก และยังส่งผลดีต่อการพัฒนาการของลูกอีกด้วย BLW คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ส่งผลดีต่อเด็กอย่างไร และคุณแม่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ BLW คืออะไร ? ชวนรู้จักวิธีการฝึกลูกน้อยกินข้าวมื้อแรกด้วยตัวเอง ผู้ปกครองหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า BLW คืออะไร ? Baby – Led Weaning หรือ BLW คือการฝึกให้ลูกของเรากินอาหารได้ด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเตรียมอาหารปั่นหรืออาหารบดให้ลูกน้อย แต่เป็นการให้ลูกน้อยใช้มือหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ และกินด้วยตัวเอง ให้ลูกได้ฝึกหยิบจับอาหาร ฝึกเคี้ยว และช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก จะนั่งกินเองหรือนั่งกินไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เช่นกัน โดยสามารถฝึกให้ลูกกินแบบนี้ได้ตั้งแต่อายุ 6 […]
แน่นอนว่าคุณแม่ทุกบ้านจะต้องตื่นเต้นกับการทานข้าวมื้อแรกของลูก แต่นอกจากความตื่นเต้นแล้ว การฝึกลูกน้อยให้มีวินัยในการรับประทานอาหารก็ถือเป็นงานหินชิ้นนึงเลยล่ะค่ะ สำหรับคุณแม่ๆ บ้านไหนที่กำลังหาวิธีฝึกลูกน้อยให้คุ้นชินกับการทานข้าวอยู่ล่ะก็ มาดูกันดีกว่าว่าเรามีวิธีดีๆ อะไรมาฝากกันบ้าง ฝึกลูกหม่ำข้าวด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ต้องบังคับ 1. นั่งโต๊ะและเริ่มทานข้าวพร้อมกัน อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่าเด็กมักจะชอบเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ นั่นแหละค่ะ เราลองเอาเรื่องนี้มาเป็นตัวช่วยกันดีกว่า เพราะงั้นเวลาเราทานข้าว เราก็ควรให้ลูกน้อยของเรานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยเนอะ ให้เค้าเห็นว่าทุกคนมีความสุขในการรับประทานอาหาร เห็นเวลาเรานำช้อนเข้าปาก ให้เค้ารู้ว่าการทานข้าวเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนทำ และเค้าก็ต้องทำด้วยเหมือนกัน แม้ตอนแรกอาจจะมีร้องงอแงบ้าง แต่ก็อย่าไปยอมแพ้ค่ะ ทำบ่อยๆ ทำให้เป็นกิจวัตร เดี๋ยวเค้าก็จะชินไปเอง 2. ทานอาหารให้เป็นเวลา คุณแม่บางบ้านอาจจะยุ่งหัวหมุนกับทั้งงานประจำและงานบ้านจนเผลอไม่ได้ทานข้าว อ๊ะๆ ถ้าคุณแม่กำลังเป็น Working Woman แบบนี้อยู่ เราขอให้คุณแม่วางงานซักนิด แล้วมาทานข้าวกับลูกน้อยเมื่อถึงเวลา เพราะเราควรฝึกให้เค้าคุ้นเคยกับเวลาที่ต้องทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้า กลางวัน เย็น คุณแม่ก็ควรจะให้เค้าทานเวลาเดิมๆ นอกจากจะสร้างนิสัยให้เค้าแล้ว ยังเป็นการปรับระบบย่อยอาหารภายในร่างกายของลูกน้อยอีกด้วยน้า ถ้าเค้าคุ้นเคยกับเวลาแล้ว ทีนี้ล่ะ ไม่ต้องเรียกเลย พอถึงเวลาเค้าก็จะหิวขึ้นมาเอง 3. เปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลาย เด็กหลายๆ คนเบื่อข้าว อมข้าว เพราะอาจจะเป็นเรื่องของรสชาติที่ไม่ถูกปาก หรือเมนูอาจจะซ้ำซากจำเจจนเกินไป การเปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลายเนี่ย นอกจากจะช่วยให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วนแล้ว ยังทำให้เค้าเพลิดเพลินไปกับเมนูใหม่ๆ ด้วยนะ […]
หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้ เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 […]
คาร์ซีทปลอดภัย สำหรับเด็กแรกเกิด จะต้องดูจากอะไรบ้าง วันนี้ BabyGift จะมาบอกวิธีดูคาร์ซีทที่ปลอดภัย แบบลึกซึ้งถึงโครงสร้างกันเลยค่ะ เพราะทุกวัสดุที่ประกอบอยู่ในคาร์ซีทนั้น มีผลต่อความปลอดภัยของลูกน้อยมาก และก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก นี่คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้เลยค่ะ โครงคาร์ซีท ทำจากอะไร แบบไหนที่ปลอดภัย 1. โครงพลาสติกทั่วไป (PP) พลาสติกมีความแข็งแรง ทนต่อการกระแทก มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่มักจะใช้ภายในห้องโดยสารรถยนต์ เช่น แผงประตู หรือ คอนโซลรถ เมื่อใช้พลาสติก 100% ทำเป็นโครงคาร์ซีทสำหรับเด็กโตโดยเฉพาะ ที่น้องมีสรีระแข็งแรงแล้ว ก็เพียงพอต่อการปกป้องน้องให้ปลอดภัยค่ะ แต่สำหรับเด็กแรกเกิด ที่สรีระบอบบาง ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ การใช้พลาสติก 100% เลย อาจจะไม่พียงพอ โครงคาร์ซีทควรจะเสริมด้วยวัสดุอื่น ๆ เพิ่มความแข็งแรงด้วย เช่น เสริมด้วยไฟเบอร์กลาส 2. โครงพลาสติก เสริมไฟเบอร์กลาส ไฟเบอร์กลาส หรือ เส้นใยแก้ว จะใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงเป็นพิเศษ ใช้แทนโลหะได้เลย เช่น ทำชิ้นส่วนเครื่องบินเล็ก ทำชิ้นส่วนรถแข่ง เพราะทนต่อการถูกกระแทก ทนต่อการฉีกขาด มีน้ำหนักเบา และยังสามารถดัดโค้งจัดรูปทรงได้ ไม่เปราะง่าย ในการทำโครงคาร์ซีทเด็กแรกเกิด […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.